วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER อาการแอร์ตัด แรงดันสูง Hi pressure คอนเดนซิ่งระ...



วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER  อาการแอร์ตัดแรงดันสูง หรือที่เรียกกันว่าตัด HI
อาการนี้ คือ เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานไปสักพักก็จะตัดการทำงานเอง  และก็จะวนเป็นอย่างนี้อยู่ตลอด  สาเหตุมาจากชุดแผงระบายความร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน  ทำให้ชุด HI sensor ที่ติดตั้งไว้ได้เปิดระบบป้องกันขึ้นจึงทำให้แอร์ตัดการทำงาน  (อุปกรณ์นี้ติดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคอมเพรสเซอร์)  และจากการตรวจสอบพบว่าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสียไป 1 ตัว  ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน
วิธีการเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อน
1.ปิดระบบเมนไฟฟ้าแอร์ให้เรียบร้อย
2.ทำการถอดฝาครอบชุดใบพัดลมระบายความร้อนที่เสียออก
3.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูที่น็อตล็อกฝาปิดโครงแอร์ด้านบนออก  และยกฝาปิดด้านบนลงมา
4.ใช้คีมตัดสายไฟฟ้าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่เสียออก  และจดจำตำแหน่งการต่อสายไฟฟ้าให้ดี
5.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูน็อตล็อกชุดแค๊ปรัน  Run Capacitor และถอดชุดแค๊ปรันมอเตอร์ที่เสียออก
6.ใช้ไขควงแฉกด้ามยาวคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกน็อตพัดลมระบายความร้อนทั้ง 4 ตัวออก  จากนั้นยกมอเตอร์พัดลมตัวที่เสียลงมา
7.ใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมคลายน็อตสกรูหัวจมออก  โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาจากนั้นให้ดึงใบพัดลมออกมา
8.นำชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนตัวใหม่  ไปยึดติดตั้งที่โครงยึดมอเตอร์พัดลมแล้วใช้สกรูเกลี่ยวปล่อยขันล็อกให้แน่น  โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกาให้ครบทั้ง 4 ตัว
9.สอดสายไฟฟ้าที่ออกจากตัวมอเตอร์เข้าไปตามตำแหน่งเดิมที่ยึดสายไฟไว้  จากนั้นใช้เคเบิ้ลไทร์รัดสายไฟให้แน่น  ส่วนปลายเคเบิ้ลไทร์ที่ยาวออกมาให้ใช้คีมตัดให้เรียบร้อน  เพื่อป้องกันการเข้าไปกีดขวางการหมุนของใบพัดลม
10.ทำการต่อระบบสายไฟฟ้ามอเตอร์พัดลมระบายความร้อน ดังนี้
     -   นำสายไฟฟ้าสายสีดำที่ออกจากมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่มีไฟที่ออกจากแม็กเนติกสายสีดำ
     -   นำสายไฟฟ้าเส้นสีขาวที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน  หรือ สาย N) เส้นสีขาว
     -  นำสายไฟฟ้าสายสีน้ำตาลที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับชุดแค๊ปรัน Run Capacitor 1 ด้าน  และด้านที่เหลือของชุดแค๊ปรันให้ต่อสายไฟฟ้าเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน หรือ สาย N)
ที่ออกมาจากแม็กเนติกสายไฟเส้นสีขาว
11.ทำการประกอบฝาปิดด้านบนใช้เรียบร้อนและใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาให้แน่นทุกจุด โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา
12.นำใบพัดลมใส่เข้าไปในแกนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่  โดยการใส่ใบพัดลมต้องสังเกตุให้ด้านที่มีน็อตล็อกตรงกับแกนมอเตอร์พัดลมที่มีผิวเรียบ  จากนั้นใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมหมุนล็อกให้แน่น  โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา  จากนั้นใช้มือลองหมุนใบพัดลมดูว่าติดขัดหรือไม่
13.ทำการใส่ฝาปิดใบพัดลมให้เรียบร้อยโดยการใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยตามเข็มนาฬิกาให้แน่น
14. ทดสอบการทำงานโดยการเปิดเมนระบบไฟฟ้าแอร์  จากนั้นเปิดรีโมทแอร์ให้เครื่องปรับอากาศทำงาน  จากนั้นออกมาด้านนอกสังเกตุที่ชุดคอนเดนซิ่ง (แผงระบายความร้อนด้านนอก)  รอการหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที  ชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกจะทำงาน   เมื่อมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกทำงานแล้วสังเกตุดูว่าเครื่องทำงานปกติกหรือไม่  หากเครื่องทำงานปกติก็ถือว่าแก้ไขจบงาน



วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON



วิธีการเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON
ขั้นตอนแรกเราต้องจัดเตรียมอุปกรณืให้พร้อมก่อน  ดดยมีเครื่องมือที่ต้องใช้งาน ดังนี้
1.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12
2.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14
3.ประแจบล็อก เบอรื 12 และ เบอร์ 14 (ไว้ใช้งานกรณีที่ประแจแหวนหรือปากตายเข้าทำงานไม่ได้
4.ไขควงตอกด้ามใหญ่ หรือเหล้กไว้ช่วยดันเพื่อช่วยผ่อนแรง
วิธีการเริ่ม ดังนี้
1.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านในออก 1 ตัว ผจะเป็นน็อตล็อก เบอร์ 12)
2.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านนอก  จะมีน็อตเบอร์ 14 ล็อกอยู่ จำนวน 2 ตัว ให้คลายน็อตล็อกออกโดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
3.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกตัวตั้งความตึงสายพานออก  โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมาเรื่อยประมาณ  1-2 นิ้ว
4.เมื่อคลายน็อกทั้งหมดออกแล้วให้ใช้ไขควงตัวใหญ่ หรือใช้เหล็กงัดสอดเข้าไปภายในช่องของตัวตึงสายพาน  จากนั้นออกแรงดันไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปมา  เพื่อให้ชุดตัวตึงสายพานเคลื่อนที่ออกมา  และจะทำให้สายพานที่ตึงอยู่หย่อนลงและสามารถปลดสายพานออกมาได้
5.ทำการปลดสายพานออกจากชุดพูเล่ตั้งสายพานและพู่ล่คลัชคอมแอร์ออก  จากนั้นจับสายพานเข้าหาตัวและค่อยๆปลดสายพานออกโดยดันออกมาทางด้านห้นาพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง  และค่อยๆสอดรอดใบพัดลมออกมา
6.นำสายพานเส้นใหม่ใส่กลับเข้าไปโดยการสอดผ่านเข้าในใบพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง  จากนั้นนำไปคล้องในพูเล่ชุดคลัชคอมแอร์ และพู่เล่ตัวตั้งสายพาน
7.ใช้ประแจแหนวหรือปากตาย เบอร์ 14 ขันเข้าเพื่อดึงชุดสายพานให้ตึงขึ้น  ดดยการขันน็อตตามเข็มนาฬิการ
8.เมื่อขันตึงสายพานเสร็จแล้วใช้มือกดสายพานดูว่ากดได้ตึงมือหรือไม่  สายพานที่ตึงเหมาะสมจะต้องสามารถกดลงได้ประมาณ 1/2 นิ้ว (ตึงพอดี)
9.จากนั้นใช้ประแจแหวนหรือปากตาม เบอร์ 14 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานให้แน่นทั้ง 2 ตัว และใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านใน วึ่งมี 1 ตัวให้แน่น
10.ทำการตรวจสอบความเรียบร้อย  จากนั้นสตาร์ทเครื่องรถยนต์และทดลองเดินเครื่องซักพักนึ่ง  ตรวจสอบด้วยสายตาและฟังเสียงการทำงานของชุดสายพานมีความผิดปกติหรือไม่  หากมีความผิดปกติทำการแก้ไขและทดสอบใหม่อีกครั้ง หากไม่พบความผิดปกติถือว่าจบงาน.

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีใช้คำสั่งปริ้นเอกสาร A4 ให้สามารถปริ้นเอกสารออกมาเป็นหน้า-หลังได้ ง่...



วิธีสั่งปริ้นเอกสารเอกสารด้วยโปรแกรม Word  เพื่อปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง
การสั่งปริ้นเอกสารด้วยโปรแกรม Word ให้ออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาโปรแกรมที่ต้องการสั่งปริ้นท์  ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเอกสารที่อยู่ด้านหน้า Desktop
3.เลื่อนเมาส์ไปที่คำสั่ง File คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง  จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่ง Print
4.เลือกคำสั่ง Print เลื่อนเมาส์มาที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์และเลือกเครื่องปริ้นท์  ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่งPrint one sided ที่คำสั่งดังกล่าว  ด้านขวามือจะเห็นปุ่มสามเหลี่ยมหัวกลับเล็กๆ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมดังกล่าว  จะขึ้นคำสั่งต่างๆมาให้เลือก
6.เลื่อนเมาส์มาที่คำสั่งปริ้นท์  Print on both sides และคลิ๊กเลือก
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ขึ้นไปที่คำสั่งปริ้นท์  Print (รูปเครื่องปริ้นท์)  แล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์จากนั้นเครื่องปริ้นท์จะปริ้นทืเอกสารออกมา

วิธีปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง  ด้วยโปรแกรม PDF  สำหรับทำคู่มือ
การใช้คำสั่งปริ้นท์ด้วยโปรแกรม PDF ให้เอกสารออกมาทั้งด้านหน้า และด้านหลัง  สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรมแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์  ซึ่งในตัวอย่างนี้เอกสารจะอยู่ใน Drive : D ให้เลือกคำสั่ง My computer หรือ This PC หรือ File Exploer ในตัวอย่างจะสาธิต ดังนี้
3.เลือกคำสั่ง File Exploer แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดง Folder ต่างๆขึ้นมา
4.เลื่อนเมาส์ไปที่ Folder ที่ต้องการแล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิด Folder ออกมา
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์หาตำแหน่งที่อยู่เอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์  แล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิดเอกสารขึ้นมา
6.เมื่อเปิดเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์ขึ้นมาได้แล้ว  ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่ง File แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงเลือกที่คำสั่งปริ้นท์ Print (รูปเครื่องปริ้น) คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดงหน้าต่างคำสั่งปริ้นท์ขึ้นมา
8.เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์ แล้วคลิ๊ก 1 ครั้ง เพื่อเลือกเครื่องปริ้นท์ที่ต้องการ  ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
9.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่างเลือกที่คำสั่ง Print on both sides of paper
10.ใช้เมาส์ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ด้านหน้าคำสั่ง Print on both sides of paper  (กรณีต้องการปริ้นเอกสารแนวตั้งใช้เมาส์ติ๊กเลือกคำสั่ง  Flip on long edge
11.เลื่อนเมาส์ลงมาที่หน้าต่างด้านล่างแล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์ Print จากนั้นโปรแกรมจะเริ่มทำงานแล้วเอกสารที่ต้องการก็จะออกมาจากเครื่องปริ้นท์

วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆด้วยตนเอง (น้ำยาแอร์ซึมยังมีในระบบบ้างไม่ต้อง...



วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง  ในคลิปนี้จะเป็นการเติมน้ำยาแอร์ R22 ด้วยขั้นตอนดังนี้
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเติมน้ำยาแอร์ ไม่แว๊กคั่มสุญญากาศเหรอ  จะใช้งานได้เหรอ  ในกรณีนี้เราได้ทำการตรวจเช็คแล้วพบว่ามีการรั่วซึมออกจากระบบยังไม่หมด  ซึ่งจากการตรวจเช็คด้วยเกจวัดแรงดันน้ำยา  ยังคงมีน้ำยาแอร์เหลืออยู่ในระบบ  20 psi  ประกอบกับการหาตำแหน่งการรั่วซึมไม่เจอซึ่งได้แจ้งเจ้าของงานแล้วว่าไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมเนื่องจากแอร์มีสภาพค่นข้างเก่ามาก   จึงใช้วิธีการเติมน้ำยาแอร์เพิ่ม ดังนี้
1.ปิดเกจวัดแรงดันน้ำยาทั้งสองด้านให้เรียบร้อย
2.ต่อสายเกจวัดน้ำยาด้านแรงดันต่ำเข้าที่ท่อทางด้านแรงดันต่ำของชุดคอล์ยร้อน
3.ต่อสายสีเหลืองเข้ากับถังบรรจุน้ำยา R22
4. เปิดวาวล์ถังน้ำยา R22 ออก เพื่อจากน้ำยาเข้าในเกจวัดแรงดัน
5.คลายข้อต่อสายเกจวัดแรงดันด้านแรงดันต่ำออกเล็กน้อยเพื่อเป็นการไล่อากาศออกจากในสาย
6.ขันข้อต่อสายเกจวัดแรงดันที่คลายออกกลับคืนให้แน่น  ไม่มีการรั่วไหลของน้ำยา
7.เปิดวาวล์เกจวัดแรงดันน้ำยาด้านแรงดันต่ำออก  เพื่อปล่อยน้ำยาเข้าสู่ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
8.สังเกตุแรงดันน้ำยาที่เข้าระบบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นเท่าไหร่  น้ำยาที่อยู่ในเกณฑ์ระบบเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่  60-75 psi
9.เมื่อน้ำยาเต็มระบบแล้วจากนั้นปิดวาวล์เกจวัดแรงดันให้สนิท  จากนั้นถอดสายเกจวัดแรงดันออกจากตัวคอล์ยร้อน


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีตรวจซ่อมแอร์ซิงเกอร์ SINGER อาการคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน



วันนี้ได้มีโอกาศไปตรวจซ่อมแอร์ให้ลูกค้าท่านหนึ่งมีอาการไม่เย็น  จากการตรวจสอบเบื้องต้นตามขั้นตอน ดังนี้
1.ต่อสายเกจวัดแรงดันน้ำยาภายในระบบว่ามีหรือไม่ โดยการนำสายเกจด้านแรงดันต่ำต่อเข้ากับท่อน้ำยาด้านแรงดันต่ำ
2.เปิดสวิทซ์ให้ระบบแอร์ทำงานแล้วตรวจเช็คแรงดันน้ำยา  จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อเครื่องเริ่มทำงานแล้วแต่แรงดันเกจไม่ขึ้น  แสดงว่าชุดคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
3.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า  จากนั้นใช้ไขควงถอดฝาครอบเครื่องชุดคอล์ยร้อนออก  ทำการไล่ระบบสายไฟฟ้าพบว่าชุดสายไฟฟ้าที่ต่อออกจากแม็กเนติกมาเข้าชุดแค๊ปรันละลายและขาดไป 1 เส้น
4. สาเหตุมาจากขั้นต่อไฟฟ้าหลวมทำให้กระแสไฟฟ้าเดินไม่สะดวกทำให้ขาดวงจรในที่สุด
5. ทำการถอดขั้วสายไฟฟ้าที่ขาดออกจากชุดแม็กเนติกและขั้วแค๊ปรันออก
6.นำสายไฟฟ้าขนาด VCT  ขนาด 1.5 - 2.5 SQ.MM มาย้ำหางปลาใหม่ทั้ง 2 ด้าน
7.จากนั้นนำสายไฟฟ้าที่ตัดต่อใหม่มาเสียบเข้าที่ชุดขั้วต่อสายของแม็กเนติก  จากนั้นนำปลายสายอีกด้านหนึ่งไปต่อเข้ากัยขั้วต่อสายที่ตัวแค๊ปรัน
8.ตรวจเช็คจุดต่อสายไฟฟ้าอื่นๆว่าแน่นหรือไม่  ตรวจสอบชุดหางปลาสายไฟฟ้าต่างๆอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่  หากพบตัวที่ชำรุดให้ตัดสายไฟและย้ำหางปลาใหม่
9. เมื่อต่อสายไฟฟ้าเสร็จแล้วทำการติดตั้งกลับเข้าตำแหน่งเดิม
10.ทำการประกอบฝาครอบชุดคอล์ยร้อนและขันน็อตทุกจุดให้แน่น
11.จากนั้นเปิดระบเมนไฟฟ้าและเปิดสวิทซ์ให้แอร์ทำงาน  ชุดพัดลมคอล์ยเย็นต้องทำงานทันที
12. ชุดตัวคอล์ยร้อนต้องรอหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที
13. เมื่อชุดคอล์ยร้อนเริ่มทำงานให้สังเกตุที่เกจวัดแรงดันน้ำยาเข็มจะตีกลับเพื่อแสดงปริมาณแรงดันน้ำยาในระบบ
14. จากการตรวจสอบแรงดันน้ำยาในระบแสดงที่ 73 psi แสดงว่าระบแรงดันน้ำยาในระบบปกติ
15.เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานแล้ว  ตรวจสอบแรงดันน้ำยาเสร็จแล้วเข้าไปตรวจสอบภายในห้องที่ชุดคอล์ยเย็นทำงานอยู่ว่าอุณหภูมิภายในห้องเย็นหรือไม่

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีแก้ไขแอร์มิตซูบิชิสลิม ไฟโอเปอร์เรชั่นกระพริบ 3 ครั้ง มอเตอร์ DC ตัว...



วิธีการแก้ไขแอร์ Wall type Mitsubishi Slim  อาการมีไฟกระพริบที่ปุ่มแสดงไฟ Operation จากการตรวจสอบสามารถจับสัญญาณการแจ้งเตือนได้ดังนี้  ไฟสัญญาณจะกระพริบต่อเนื่อง จำนวน 3 ครั้ง และจะหยุดประมาณ 2 วินาที  จากนั้นก็จะกระพริบอีก 3 ครั้ง  แล้วหยุดอีก 2 วินาที  วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  จากการตรวจสอบลักษณะการกระพริบของสัญญาณจากทางคู่มือตรวจสอบเครื่อง  ERROR CODE ทำให้ทราบว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นการแจ้งเตือนว่ามอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นมีปัญหา  จึงทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า  จากนั้นถอดชุดคอนโทรลระบบไฟฟ้าที่อยู่ด้านขวาออก  จะมองเห็นชุดฝาครอบมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นทำการใช้ไขควงแฉกถอดสกรูออกประมาณ 2-3 ตัว  จากนั้นคลายน็อตที่ล็อกแกนใบพัดลมออก  ค่อยๆขยับไปมาและดึงออกมาทางด้านขวา  จะทำให้ชุดมอเตอร์หลุดออกมา   จากนั้นนำมาถอดกิ๊ปล็อกฝาครอบมอเตอร์ออก  นำมอเตอร์ลูกเก่าที่เสียถอดออก  จากนั้นนำมอเตอร์ลูกใหม่ใส่กลับเข้าไป  ทำการประกอบฝาครอบมอเตอร์และจัดสายไฟฟ้าให้เรียบร้อย  จากนั้นนำขึ้นติดตั้งที่เดิมโดยการนำแกนพัดลมใส่ในใบพัดลมและดันชุดฝาครอบพัดลมให้ลงล็อก  จากนั้นขันสกรูล็อกที่ฝาครอบพัดลม  และใช้ไขควงแฉกขันล็อกใบพัดลมให้แน่น   จากนั้นนำกล่องคอนโทรลมาประกอบต่อจากฝาครอบพัดลมแล้วต่อระบบสายไฟฟ้าเข้าซ็อกเก็ตให้แน่น   ทำการตรวจสอบเซฯเซอร์ทุกจุดว่ามีการใส่ครบถูกต้องทุกจุดแล้ว  ทำการประกอบฝาครอบคอล์ยเย็นกลับเข้าไปล็อกน็อตให้แน่น  จากนั้นทดลองเปิดระบบไฟฟ้าและทดลองเครื่อง  เครื่องสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ