วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีประกอบพัดลม Hatari ชนิดแขวนผนังขั้นตอนง่ายๆคุณแม่บ้านก็ทำเองได้ไม่ยุ...


วิธีการตรวจวัดชุด Magnetic contacter แอร์ชนิดคอมเพรสเซอร์ 3 เฟส


วิธีการแก้ไขแอร์ Carrier 48000 btu อาการเปิดไปสักพักแล้วเบรกเกอร์ตัดการท...


วิธีการแก้ไขแอร์ Carrier 48000 btu อาการเปิดไปสักพักแล้วเบรกเกอร์ตัดการท...


วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier อาการวงจรควบคุมการทำงานช๊อต



วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier อาการวงจรการทำงานลัดวงจร
วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier ขั้นตอนดำเนินการดังนี้
1.ทำการตัดระบบเมนควบคุมไฟฟ้าออก
2.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกฝาด้านข้างออก  จำนวน 2 ตัว
3.เลื่อนฝาครอบด้านข้างเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากล็อก
4.ถอดฝาครอบด้านข้างออกจะมองเห็นชุดฝาครอบชุดกล่องคอนโทรลอยู่
5.ใช้ไขควงคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ยึดฝาปิดครอบออกทุกตัว
6.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกแผงชุดคอนโทรลออก  จากนั้นดึงชุดแผงคอนโทรลออกมา ก่อนถอดชุดคอนโทรลออกให้ทำการถ่ายรูปจุดต่อสายไฟไว้ก่อน  เพื่อป้องกันความผิดพลาดในกรณีต่อสายไฟฟ้ากลับเข้าตำแหน่งเดิม  และนำไปตรวจเช็คและทำการแก้ไขต่อไป
7.เมื่อซ่อมแผงคอนโทรลเสร็จแล้ว  ให้นำกลับมาติดตั้งยังตำแหน่งเดิม
8.ใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกชุดแผงคอนโทรลให้แน่น
9.ต่อระบบสายไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทำงานของอุปกรณืต่างๆกลับเข้าตำแหน่งเดิม  โดยดูจากรูปการต่อสายไฟฟ้าที่เราได้ถ่ายรูปเก็บไว้ตามข้อ 6
10.ทำการใส่ฝาครอบชุดคอนโทรลกลับเข้าตำแหน่งเดิม และขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น
11.ใส่ฝาครอบด้านข้างโดยการนำฝาครอบใส่เข้าไปให้ตรงล็อก  จากนั้นใช้มือดันฝาครอบด้านข้างเข้าไปจะทำให้ฝาครอบด้านข้างเข้าตรงล็อกพอดี
11. เมื่อใส่ฝาครอบด้านข้างเสร็จแล้ว  ใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาครอบให้แน่น
12.ทำการเปิดระบบเมนควบคุมไฟฟ้า  จากนั้นใช้รีโมทกดทดลองเปิดให้แอร์ทำงานตามปกติ

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วิธีการตรวจซ่อมและแก้ไขแอร์ Carrier อาการแอร์เปิดไม่ได้ ไม่มีไฟที่ตัวรับ...



วิธีเปลี่ยนตัวรับสัญญาณรีโมทแอร์ Carrier ชนิดแขวนใต้ฝ้าเพดาน
วิธีการดำเนินการมีขั้นตอน ดังนี้
1.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้าที่ควบคุมแอร์
2.ทำการปลดล็อกแผ่นพลาสติกสำหรับวางชุดฟิลเตอร์แอร์ออก  จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกและทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางแผ่นฟิลเตอร์ลง
3.ใช้มือดันฝาครอบแอร์ด้านข้างทั้ง 2 ด้านเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดออกจากล็อกจากนั้นทำการถอดฝาครอบด้านข้างออกจะมองเห็นน็อตล็อกอยู่
4.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกแผ่นฝาครอบด้านหน้าออกทั้ง 2 ฝั่ง  จากนั้นค่อยๆปลดฝาเครื่องด้านหน้าลง  จะมองเห็นแผงครบคุมตัวรับสัญญาณรีโมทแอร์
5.ทำการปลดซ็อกเก็ตสวมสายไฟควบคุมแผงตัวรับสัญญาณรีโมทออก
6.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกตัวรับสัญญาณรีโมทออกทั้ง 2 ตัว  จากนั้นดึงชุดตัวรับสัญญาณรีโมทที่เสียออก
7.นำตัวรับสัญญาณรีโมทตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปที่ตำแหน่งเดิม  จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกชุดตัวรับสัญญาณให้แน่นทั้ง 2 ตัว
8.นำสายไฟที่จ่ายไฟให้ตัวรับสัญญาณรีโมทที่ปลดออก  นำมาสวมเข้ากับตัวรับสัญญาณรีโมทให้แน่นเหมือนเดิม
9.นำฝาครอบแอร์ด้านหน้ามาติดตั้งกลับยังตำแหน่งเดิม  จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาปิดให้แน่นทั้ง 2 ด้าน
10.ใส่ฝาครอบด้านข้างกลับเข้าตำแหน่งเดิม  โดยการสวมเข้าทางด้านหน้าจากนั้นดันให้เข้าล็อกและใช้ไขควงแฉกขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น
11.นำแผ่นพลาสติกที่ใช้วางแผ่นฟิลเตอร์ประกอบกลับเข้าตำแหน่งเดิม
12.ตรวจสอบความเรียบร้อนจากการประกอบชิ้นส่วนให้เรียบร้อย  จากนั้นเปิดเมนควบคุมระบบไฟฟ้า  จะเห็นว่ามีไฟแสดงการทำงานที่ตัวรับสัญญาณรีโมท
13.ใช้รีโมทกดเพื่อเปิดเครื่องให้เครื่องทำงาน  จากนั้นทำการทดสอบโดยการลองกดที่รีโมทดูว่าสามารถปรับลดและเพิ่มอุณหภูมิได้ตามปกติดหรือไม่

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วิธีการถอดล้างและประกอบแอร์ DAIKIN ชนิดตู้ตั้งพื้น



วิธีถอดและประกอบชิ้นส่วนแอร์ชนิดตู้ตั้งพื้นออกเพื่อล้างทำความสะอาด
ขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
1.ทำการตัดระบบไฟฟ้าที่จ่ายเข้าเครื่องก่อน  โดยการปิดเบรคเกอร์ควบคุมไฟฟ้าที่ตู้เมนไฟฟ้า
2.ทำการถอดฝาครอบตู้แอร์ด้านบนออก โดยใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกทั้งหมด
จากนั้นยกฝาครอบตู้แอร์ด้านบนออก
3.ถอดตะแกรงกรองฝุ่น (ฟิลเตอร์แอร์) ออก  โดยใช้มือทั้งสองข้างจับแผ่นฟิตเตอร์ไว้  จากนั้นปลดออกจากล็อกแล้วค่อยๆดึงออกมาทีละแผ่น  โดยจะมีแผ่นฟิตเตอร์อยู่ทั้งหมดจำนวน 2 แผ่น
4.ทำการถอดฝาครอบตู้แอร์ด้านล่างออก  โดยใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกทั้งหมด จากนั้นยกฝาครอบตู้แอร์ด้านล้างออก
5.จากนั้นต่อระบบน้ำเข้ากับปั๊มน้ำแรงดันสูง โดยการนำสายยางที่ต่อจากถังน้ำมาต่อเข้ากับท่อทางเข้าด้านล่างของปั๊มฉีดน้ำแรงดันสูงและเปิดเครื่องเพื่อให้เครื่องปั๊มน้ำแรงดันสูงทำงาน
6.ทำการต่อสายฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ากับท่อทางออกของปั๊มน้ำแรงดันสูงซึ่งอยู่ด้านบนของท่อทางน้ำเข้าโดยการหมุนเกลียวข้อต่อเข้าไปให้แน่นตึงมือ
7.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงไปฉีดล้างที่ชุดแผงคอล์ยเย็น  โดยการปรับที่ปลายกระบอกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงให้มีลักษณะน้ำที่กระจายออกมา  แล้วฉีดล้างทำความสะอาดที่แผงคอล์ยเย็นให้ทั่วจนสะอาด
8.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างที่ใบพัดลมโพรงกระรอกให้ทั่วและสะอาด  ระวังอย่าให้น้ำถูกมอเตอร์พัดลม  แนะนำให้หาแผ่นฟิลม์ยืดหรืออุปกรณ์ที่ที่สามารถป้องกันน้ำได้มาปิดคลุมก่อน
9.เมื่อฉีดล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วให้ประกอบชิ้นส่วนต่างๆกลับเข้าตำแหน่งเดิม
10.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงออกไปฉีดล้างทำความสะอาดที่แผงคอล์ยร้อนด้านนอกให้สะอาด  โดยการฉีดทะแยงลงเพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นถูกชุดระบบไฟฟ้าโดยตรง
11.เมื่อดำเนินการฉีดล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว  ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยและทำการเปิดเมนควบคุมระบไฟฟ้าขึ้น  จากนั้นเปิดสวิทซ์คอนโทรลแอร์ที่ตัวเครื่องเพื่อให้แอร์ทำงาน

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินแก้ไขอาการไฟคอนโทรลกระพริบง่ายๆได้ด้วยตัวเอง



วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินแก้ไขอาการไฟคอนโทรลกระพริบ สาเหตุมาจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ  สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
1.ปลดปลั๊กไฟฟ้าที่ต่อเข้าไฟฉุกเฉินออก
2.ยกไฟฉุกเฉินเอียงเข้ามาตัวเล็กน้อย  จากนั้นดึงออกมาจากตำแหน่งที่ติดตั้ง
3.ใช้ไขควงแฉกตลายสกรูเกลียวปล่อยที่ด้านล่างของเครื่องออกจำนวน 2 ตัว โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมา
4.จับตัวฝาปิดด้านล่างจากนั้นค่อยขยับและยกขึ้นให้ฝาปิดหลุดจากล็อก  จากนั้นดึงฝาปิดด้านหน้าออกมาจะมองเห็นแบตเตอรี่และชุดคอนโทรล
5.ที่ตัวแบตเตอรี่จะเห็นมีตัวล็อกป้องกันแบตเตอรี่เคลื่อนที่อยู่  ให้ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกอยู่ 2 ตัวออก  จากนั้นถอดตัวล็อกออกมา
6.ยกแบตเตอรี่ออกมาด้านนอกและใช้มือดึงสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ออก โดยหลักการจำ ดังนี้   ขั้วสายแบตเตอรี่สีแดงจะเป็นขั้วบวก  ,ขั้วแบตเตอรี่สายสีดำจะเป็นขั้วลบ
7.จากนั้นนำแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่มีขนาดและแรงดันไฟฟ้า ,กระแสไฟฟ้าเท่ากันใส่ลงไปยังตำแหน่งเดิม
8.นำสายไฟฟ้าที่ถอดออกใส่กลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม ดังนี้  สายไฟเส้นสีแดงต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ขั้วสีแดง (ขั้วบวก +)  ,สายไฟเส้นสีดำต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ขั้วสีดำ (ขั้วลบ -)
9. จากนั้นนำตัวล็อกแบตเตอรี่เคลื่อนที่มาใส่กลับเข้ายังตำแหน่งเดิม  และใช้ไขควงแฉกหมุนสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น  โดนการหมุนตามเข็มนาฬิกา
10.นำฝาครอบด้านหน้ามาปิดเข้ายังตำแหน่งเดิมโดยการใส่ฝาปิดด้านหน้าให้ตรงล็อก  จากนั้นใช้ไขควงแฉกขั้นสกรูเกลียวปล่อยล็อกที่ด้านล่างของเครื่องให้แน่น  โดยการขันตามเข็มนาฬิกา
11.นำเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินไปทดสอบโดยการนำปลั๊กไฟไปเสียบเข้ากับเต้ารับไฟฟ้า  และทำการทดลองเครื่องโดยการกดปุ่ม Test ว่าไฟติดหรือไม่  จากนั้นกดที่ปุ่ม Set เพื่อตั้งเวลาให้ระบบคอนโทรลทำการคลายประจุแบตเตอรี่อัติโนมัติ  โดยการตั้งไว้ที่ 180 วัน
12. นำเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินกลับไปติดตั้งไว้ยังตำแหน่งเดิมและต่อปลั๊กไฟฟ้าเข้าระบบเหมือนเดิม.

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561

วิธีการเปลี่ยนก็อกน้ำตู้ทำน้ำเย็นชนิดยกถังน้ำ 20 ลิตรเทเติมด้านบน



วิธีการเปลี่ยนก็อกน้ำตู้ทำน้ำเย็นชนิดยกถังน้ำ 20 ลิตรเติมด้านบน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าก็อกปิด-เปิดน้ำด้านน้ำร้อนมีการรั่ว   ดังนี้
1.ยกถังน้ำขนาด 20 ลิตร ลงมาวางข้างล่าง
2.ถอดปลั๊กไฟฟ้าออกจากเต้ารับไฟฟ้า
3.ถกดถ่ายน้ำออกจากถังรองรับน้ำที่ตัวตู้น้ำร้อน - น้ำเย็น ออกให้หมด
4.ใช้ไขควงแฉกทำการขันคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ด้านหลังออกจำนวน 2 ตัว
5.ทำการถอดฝาครอบด้านบนออก โดยการยกฝาครอบด้านหลังขึ้นค่อยๆขยับไปมา ให้ฝาครอบหลุดออกจากล็อก
6.ใช้มือสอดเข้าไปที่ด้านในเพื่อจับสายยางที่ต่อเข้ากับก็อกน้ำและดึงสายยางออก 
7.ใช้ประแจเลื่อนคลายเกลียวล็อกก็อกน้ำที่ด้านในออกโดยการใช้ประแจเลื่อนคลายเกลียวทวนเข็มนาฬิกา
8.นำก็อกน้ำที่ชำรุดถอดออก  จากนั้นนำก็อกน้ำชุดใหม่ใส่กลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม
9.ใส่ชุดเกลียวล็อกก็อกน้ำเข้าไปแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาให้แน่นตึงมือ  โดยการใช้ประแจเลื่อนช่วยขันล็อกเกลียวให้แน่น
10.นำสายยางที่ออกจากถังน้ำต่อเข้ากับปลายของก็อกน้ำให้แน่น
11.ใช้สายรัดเคเิ้ลไทร์รัดบริเวณรอยต่อท่อน้ำให้แน่นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำ
12.จากนั้นนำฝาครอบด้านบนมาประกอบเข้าให้เหมือนเดิม  โดยการใส่ให้ตรงล็อกของฝาครอบด้านบน
13.ใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อย จำนวน 2 ตัว ที่ด้านหลังให้แน่น  โดนการขันตามเข็มนาฬิกา

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER อาการแอร์ตัด แรงดันสูง Hi pressure คอนเดนซิ่งระ...



วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER  อาการแอร์ตัดแรงดันสูง หรือที่เรียกกันว่าตัด HI
อาการนี้ คือ เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานไปสักพักก็จะตัดการทำงานเอง  และก็จะวนเป็นอย่างนี้อยู่ตลอด  สาเหตุมาจากชุดแผงระบายความร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน  ทำให้ชุด HI sensor ที่ติดตั้งไว้ได้เปิดระบบป้องกันขึ้นจึงทำให้แอร์ตัดการทำงาน  (อุปกรณ์นี้ติดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคอมเพรสเซอร์)  และจากการตรวจสอบพบว่าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสียไป 1 ตัว  ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน
วิธีการเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อน
1.ปิดระบบเมนไฟฟ้าแอร์ให้เรียบร้อย
2.ทำการถอดฝาครอบชุดใบพัดลมระบายความร้อนที่เสียออก
3.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูที่น็อตล็อกฝาปิดโครงแอร์ด้านบนออก  และยกฝาปิดด้านบนลงมา
4.ใช้คีมตัดสายไฟฟ้าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่เสียออก  และจดจำตำแหน่งการต่อสายไฟฟ้าให้ดี
5.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูน็อตล็อกชุดแค๊ปรัน  Run Capacitor และถอดชุดแค๊ปรันมอเตอร์ที่เสียออก
6.ใช้ไขควงแฉกด้ามยาวคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกน็อตพัดลมระบายความร้อนทั้ง 4 ตัวออก  จากนั้นยกมอเตอร์พัดลมตัวที่เสียลงมา
7.ใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมคลายน็อตสกรูหัวจมออก  โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาจากนั้นให้ดึงใบพัดลมออกมา
8.นำชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนตัวใหม่  ไปยึดติดตั้งที่โครงยึดมอเตอร์พัดลมแล้วใช้สกรูเกลี่ยวปล่อยขันล็อกให้แน่น  โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกาให้ครบทั้ง 4 ตัว
9.สอดสายไฟฟ้าที่ออกจากตัวมอเตอร์เข้าไปตามตำแหน่งเดิมที่ยึดสายไฟไว้  จากนั้นใช้เคเบิ้ลไทร์รัดสายไฟให้แน่น  ส่วนปลายเคเบิ้ลไทร์ที่ยาวออกมาให้ใช้คีมตัดให้เรียบร้อน  เพื่อป้องกันการเข้าไปกีดขวางการหมุนของใบพัดลม
10.ทำการต่อระบบสายไฟฟ้ามอเตอร์พัดลมระบายความร้อน ดังนี้
     -   นำสายไฟฟ้าสายสีดำที่ออกจากมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่มีไฟที่ออกจากแม็กเนติกสายสีดำ
     -   นำสายไฟฟ้าเส้นสีขาวที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน  หรือ สาย N) เส้นสีขาว
     -  นำสายไฟฟ้าสายสีน้ำตาลที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับชุดแค๊ปรัน Run Capacitor 1 ด้าน  และด้านที่เหลือของชุดแค๊ปรันให้ต่อสายไฟฟ้าเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน หรือ สาย N)
ที่ออกมาจากแม็กเนติกสายไฟเส้นสีขาว
11.ทำการประกอบฝาปิดด้านบนใช้เรียบร้อนและใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาให้แน่นทุกจุด โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา
12.นำใบพัดลมใส่เข้าไปในแกนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่  โดยการใส่ใบพัดลมต้องสังเกตุให้ด้านที่มีน็อตล็อกตรงกับแกนมอเตอร์พัดลมที่มีผิวเรียบ  จากนั้นใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมหมุนล็อกให้แน่น  โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา  จากนั้นใช้มือลองหมุนใบพัดลมดูว่าติดขัดหรือไม่
13.ทำการใส่ฝาปิดใบพัดลมให้เรียบร้อยโดยการใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยตามเข็มนาฬิกาให้แน่น
14. ทดสอบการทำงานโดยการเปิดเมนระบบไฟฟ้าแอร์  จากนั้นเปิดรีโมทแอร์ให้เครื่องปรับอากาศทำงาน  จากนั้นออกมาด้านนอกสังเกตุที่ชุดคอนเดนซิ่ง (แผงระบายความร้อนด้านนอก)  รอการหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที  ชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกจะทำงาน   เมื่อมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกทำงานแล้วสังเกตุดูว่าเครื่องทำงานปกติกหรือไม่  หากเครื่องทำงานปกติก็ถือว่าแก้ไขจบงาน



วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON



วิธีการเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON
ขั้นตอนแรกเราต้องจัดเตรียมอุปกรณืให้พร้อมก่อน  ดดยมีเครื่องมือที่ต้องใช้งาน ดังนี้
1.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12
2.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14
3.ประแจบล็อก เบอรื 12 และ เบอร์ 14 (ไว้ใช้งานกรณีที่ประแจแหวนหรือปากตายเข้าทำงานไม่ได้
4.ไขควงตอกด้ามใหญ่ หรือเหล้กไว้ช่วยดันเพื่อช่วยผ่อนแรง
วิธีการเริ่ม ดังนี้
1.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านในออก 1 ตัว ผจะเป็นน็อตล็อก เบอร์ 12)
2.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านนอก  จะมีน็อตเบอร์ 14 ล็อกอยู่ จำนวน 2 ตัว ให้คลายน็อตล็อกออกโดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
3.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกตัวตั้งความตึงสายพานออก  โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมาเรื่อยประมาณ  1-2 นิ้ว
4.เมื่อคลายน็อกทั้งหมดออกแล้วให้ใช้ไขควงตัวใหญ่ หรือใช้เหล็กงัดสอดเข้าไปภายในช่องของตัวตึงสายพาน  จากนั้นออกแรงดันไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปมา  เพื่อให้ชุดตัวตึงสายพานเคลื่อนที่ออกมา  และจะทำให้สายพานที่ตึงอยู่หย่อนลงและสามารถปลดสายพานออกมาได้
5.ทำการปลดสายพานออกจากชุดพูเล่ตั้งสายพานและพู่ล่คลัชคอมแอร์ออก  จากนั้นจับสายพานเข้าหาตัวและค่อยๆปลดสายพานออกโดยดันออกมาทางด้านห้นาพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง  และค่อยๆสอดรอดใบพัดลมออกมา
6.นำสายพานเส้นใหม่ใส่กลับเข้าไปโดยการสอดผ่านเข้าในใบพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง  จากนั้นนำไปคล้องในพูเล่ชุดคลัชคอมแอร์ และพู่เล่ตัวตั้งสายพาน
7.ใช้ประแจแหนวหรือปากตาย เบอร์ 14 ขันเข้าเพื่อดึงชุดสายพานให้ตึงขึ้น  ดดยการขันน็อตตามเข็มนาฬิการ
8.เมื่อขันตึงสายพานเสร็จแล้วใช้มือกดสายพานดูว่ากดได้ตึงมือหรือไม่  สายพานที่ตึงเหมาะสมจะต้องสามารถกดลงได้ประมาณ 1/2 นิ้ว (ตึงพอดี)
9.จากนั้นใช้ประแจแหวนหรือปากตาม เบอร์ 14 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานให้แน่นทั้ง 2 ตัว และใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านใน วึ่งมี 1 ตัวให้แน่น
10.ทำการตรวจสอบความเรียบร้อย  จากนั้นสตาร์ทเครื่องรถยนต์และทดลองเดินเครื่องซักพักนึ่ง  ตรวจสอบด้วยสายตาและฟังเสียงการทำงานของชุดสายพานมีความผิดปกติหรือไม่  หากมีความผิดปกติทำการแก้ไขและทดสอบใหม่อีกครั้ง หากไม่พบความผิดปกติถือว่าจบงาน.

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีใช้คำสั่งปริ้นเอกสาร A4 ให้สามารถปริ้นเอกสารออกมาเป็นหน้า-หลังได้ ง่...



วิธีสั่งปริ้นเอกสารเอกสารด้วยโปรแกรม Word  เพื่อปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง
การสั่งปริ้นเอกสารด้วยโปรแกรม Word ให้ออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาโปรแกรมที่ต้องการสั่งปริ้นท์  ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเอกสารที่อยู่ด้านหน้า Desktop
3.เลื่อนเมาส์ไปที่คำสั่ง File คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง  จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่ง Print
4.เลือกคำสั่ง Print เลื่อนเมาส์มาที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์และเลือกเครื่องปริ้นท์  ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่งPrint one sided ที่คำสั่งดังกล่าว  ด้านขวามือจะเห็นปุ่มสามเหลี่ยมหัวกลับเล็กๆ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมดังกล่าว  จะขึ้นคำสั่งต่างๆมาให้เลือก
6.เลื่อนเมาส์มาที่คำสั่งปริ้นท์  Print on both sides และคลิ๊กเลือก
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ขึ้นไปที่คำสั่งปริ้นท์  Print (รูปเครื่องปริ้นท์)  แล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์จากนั้นเครื่องปริ้นท์จะปริ้นทืเอกสารออกมา

วิธีปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง  ด้วยโปรแกรม PDF  สำหรับทำคู่มือ
การใช้คำสั่งปริ้นท์ด้วยโปรแกรม PDF ให้เอกสารออกมาทั้งด้านหน้า และด้านหลัง  สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรมแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์  ซึ่งในตัวอย่างนี้เอกสารจะอยู่ใน Drive : D ให้เลือกคำสั่ง My computer หรือ This PC หรือ File Exploer ในตัวอย่างจะสาธิต ดังนี้
3.เลือกคำสั่ง File Exploer แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดง Folder ต่างๆขึ้นมา
4.เลื่อนเมาส์ไปที่ Folder ที่ต้องการแล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิด Folder ออกมา
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์หาตำแหน่งที่อยู่เอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์  แล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิดเอกสารขึ้นมา
6.เมื่อเปิดเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์ขึ้นมาได้แล้ว  ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่ง File แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงเลือกที่คำสั่งปริ้นท์ Print (รูปเครื่องปริ้น) คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดงหน้าต่างคำสั่งปริ้นท์ขึ้นมา
8.เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์ แล้วคลิ๊ก 1 ครั้ง เพื่อเลือกเครื่องปริ้นท์ที่ต้องการ  ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
9.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่างเลือกที่คำสั่ง Print on both sides of paper
10.ใช้เมาส์ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ด้านหน้าคำสั่ง Print on both sides of paper  (กรณีต้องการปริ้นเอกสารแนวตั้งใช้เมาส์ติ๊กเลือกคำสั่ง  Flip on long edge
11.เลื่อนเมาส์ลงมาที่หน้าต่างด้านล่างแล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์ Print จากนั้นโปรแกรมจะเริ่มทำงานแล้วเอกสารที่ต้องการก็จะออกมาจากเครื่องปริ้นท์

วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆด้วยตนเอง (น้ำยาแอร์ซึมยังมีในระบบบ้างไม่ต้อง...



วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง  ในคลิปนี้จะเป็นการเติมน้ำยาแอร์ R22 ด้วยขั้นตอนดังนี้
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเติมน้ำยาแอร์ ไม่แว๊กคั่มสุญญากาศเหรอ  จะใช้งานได้เหรอ  ในกรณีนี้เราได้ทำการตรวจเช็คแล้วพบว่ามีการรั่วซึมออกจากระบบยังไม่หมด  ซึ่งจากการตรวจเช็คด้วยเกจวัดแรงดันน้ำยา  ยังคงมีน้ำยาแอร์เหลืออยู่ในระบบ  20 psi  ประกอบกับการหาตำแหน่งการรั่วซึมไม่เจอซึ่งได้แจ้งเจ้าของงานแล้วว่าไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมเนื่องจากแอร์มีสภาพค่นข้างเก่ามาก   จึงใช้วิธีการเติมน้ำยาแอร์เพิ่ม ดังนี้
1.ปิดเกจวัดแรงดันน้ำยาทั้งสองด้านให้เรียบร้อย
2.ต่อสายเกจวัดน้ำยาด้านแรงดันต่ำเข้าที่ท่อทางด้านแรงดันต่ำของชุดคอล์ยร้อน
3.ต่อสายสีเหลืองเข้ากับถังบรรจุน้ำยา R22
4. เปิดวาวล์ถังน้ำยา R22 ออก เพื่อจากน้ำยาเข้าในเกจวัดแรงดัน
5.คลายข้อต่อสายเกจวัดแรงดันด้านแรงดันต่ำออกเล็กน้อยเพื่อเป็นการไล่อากาศออกจากในสาย
6.ขันข้อต่อสายเกจวัดแรงดันที่คลายออกกลับคืนให้แน่น  ไม่มีการรั่วไหลของน้ำยา
7.เปิดวาวล์เกจวัดแรงดันน้ำยาด้านแรงดันต่ำออก  เพื่อปล่อยน้ำยาเข้าสู่ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
8.สังเกตุแรงดันน้ำยาที่เข้าระบบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นเท่าไหร่  น้ำยาที่อยู่ในเกณฑ์ระบบเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่  60-75 psi
9.เมื่อน้ำยาเต็มระบบแล้วจากนั้นปิดวาวล์เกจวัดแรงดันให้สนิท  จากนั้นถอดสายเกจวัดแรงดันออกจากตัวคอล์ยร้อน


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีตรวจซ่อมแอร์ซิงเกอร์ SINGER อาการคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน



วันนี้ได้มีโอกาศไปตรวจซ่อมแอร์ให้ลูกค้าท่านหนึ่งมีอาการไม่เย็น  จากการตรวจสอบเบื้องต้นตามขั้นตอน ดังนี้
1.ต่อสายเกจวัดแรงดันน้ำยาภายในระบบว่ามีหรือไม่ โดยการนำสายเกจด้านแรงดันต่ำต่อเข้ากับท่อน้ำยาด้านแรงดันต่ำ
2.เปิดสวิทซ์ให้ระบบแอร์ทำงานแล้วตรวจเช็คแรงดันน้ำยา  จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อเครื่องเริ่มทำงานแล้วแต่แรงดันเกจไม่ขึ้น  แสดงว่าชุดคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
3.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า  จากนั้นใช้ไขควงถอดฝาครอบเครื่องชุดคอล์ยร้อนออก  ทำการไล่ระบบสายไฟฟ้าพบว่าชุดสายไฟฟ้าที่ต่อออกจากแม็กเนติกมาเข้าชุดแค๊ปรันละลายและขาดไป 1 เส้น
4. สาเหตุมาจากขั้นต่อไฟฟ้าหลวมทำให้กระแสไฟฟ้าเดินไม่สะดวกทำให้ขาดวงจรในที่สุด
5. ทำการถอดขั้วสายไฟฟ้าที่ขาดออกจากชุดแม็กเนติกและขั้วแค๊ปรันออก
6.นำสายไฟฟ้าขนาด VCT  ขนาด 1.5 - 2.5 SQ.MM มาย้ำหางปลาใหม่ทั้ง 2 ด้าน
7.จากนั้นนำสายไฟฟ้าที่ตัดต่อใหม่มาเสียบเข้าที่ชุดขั้วต่อสายของแม็กเนติก  จากนั้นนำปลายสายอีกด้านหนึ่งไปต่อเข้ากัยขั้วต่อสายที่ตัวแค๊ปรัน
8.ตรวจเช็คจุดต่อสายไฟฟ้าอื่นๆว่าแน่นหรือไม่  ตรวจสอบชุดหางปลาสายไฟฟ้าต่างๆอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่  หากพบตัวที่ชำรุดให้ตัดสายไฟและย้ำหางปลาใหม่
9. เมื่อต่อสายไฟฟ้าเสร็จแล้วทำการติดตั้งกลับเข้าตำแหน่งเดิม
10.ทำการประกอบฝาครอบชุดคอล์ยร้อนและขันน็อตทุกจุดให้แน่น
11.จากนั้นเปิดระบเมนไฟฟ้าและเปิดสวิทซ์ให้แอร์ทำงาน  ชุดพัดลมคอล์ยเย็นต้องทำงานทันที
12. ชุดตัวคอล์ยร้อนต้องรอหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที
13. เมื่อชุดคอล์ยร้อนเริ่มทำงานให้สังเกตุที่เกจวัดแรงดันน้ำยาเข็มจะตีกลับเพื่อแสดงปริมาณแรงดันน้ำยาในระบบ
14. จากการตรวจสอบแรงดันน้ำยาในระบแสดงที่ 73 psi แสดงว่าระบแรงดันน้ำยาในระบบปกติ
15.เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานแล้ว  ตรวจสอบแรงดันน้ำยาเสร็จแล้วเข้าไปตรวจสอบภายในห้องที่ชุดคอล์ยเย็นทำงานอยู่ว่าอุณหภูมิภายในห้องเย็นหรือไม่

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีแก้ไขแอร์มิตซูบิชิสลิม ไฟโอเปอร์เรชั่นกระพริบ 3 ครั้ง มอเตอร์ DC ตัว...



วิธีการแก้ไขแอร์ Wall type Mitsubishi Slim  อาการมีไฟกระพริบที่ปุ่มแสดงไฟ Operation จากการตรวจสอบสามารถจับสัญญาณการแจ้งเตือนได้ดังนี้  ไฟสัญญาณจะกระพริบต่อเนื่อง จำนวน 3 ครั้ง และจะหยุดประมาณ 2 วินาที  จากนั้นก็จะกระพริบอีก 3 ครั้ง  แล้วหยุดอีก 2 วินาที  วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  จากการตรวจสอบลักษณะการกระพริบของสัญญาณจากทางคู่มือตรวจสอบเครื่อง  ERROR CODE ทำให้ทราบว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นการแจ้งเตือนว่ามอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นมีปัญหา  จึงทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า  จากนั้นถอดชุดคอนโทรลระบบไฟฟ้าที่อยู่ด้านขวาออก  จะมองเห็นชุดฝาครอบมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นทำการใช้ไขควงแฉกถอดสกรูออกประมาณ 2-3 ตัว  จากนั้นคลายน็อตที่ล็อกแกนใบพัดลมออก  ค่อยๆขยับไปมาและดึงออกมาทางด้านขวา  จะทำให้ชุดมอเตอร์หลุดออกมา   จากนั้นนำมาถอดกิ๊ปล็อกฝาครอบมอเตอร์ออก  นำมอเตอร์ลูกเก่าที่เสียถอดออก  จากนั้นนำมอเตอร์ลูกใหม่ใส่กลับเข้าไป  ทำการประกอบฝาครอบมอเตอร์และจัดสายไฟฟ้าให้เรียบร้อย  จากนั้นนำขึ้นติดตั้งที่เดิมโดยการนำแกนพัดลมใส่ในใบพัดลมและดันชุดฝาครอบพัดลมให้ลงล็อก  จากนั้นขันสกรูล็อกที่ฝาครอบพัดลม  และใช้ไขควงแฉกขันล็อกใบพัดลมให้แน่น   จากนั้นนำกล่องคอนโทรลมาประกอบต่อจากฝาครอบพัดลมแล้วต่อระบบสายไฟฟ้าเข้าซ็อกเก็ตให้แน่น   ทำการตรวจสอบเซฯเซอร์ทุกจุดว่ามีการใส่ครบถูกต้องทุกจุดแล้ว  ทำการประกอบฝาครอบคอล์ยเย็นกลับเข้าไปล็อกน็อตให้แน่น  จากนั้นทดลองเปิดระบบไฟฟ้าและทดลองเครื่อง  เครื่องสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

วิธีแก้ไขแอร์รถยนต์ JAZZ อาการเย็นสู้แดดไมได้ เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง



วันนี้มีงานแก้ไขระบบแอร์รถยนต์แจ๊สอาการแอร์ไม่เย็น  เย็นไม่ฉ่ำ  เวลารถจอดหรือติดไฟแดงแอร์ไม่เย็น  แอร์ทำความเย็นไม่ได้  จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระบบน้ำยาแอร์ 134a พร่องไปและพบว่าที่บริเวณชุดแผงระบายความร้อนบริเวณด้านด้านอุดตัน  และพบว่าพัดลมชุดระบายความร้อนด้านหน้าจากเดิมมี 2 ตัว  ทำงานได้เพียงตัวเดียว   เมื่อทำการตรวจจนแน่ใจแล้วว่าทั้งหมดคือสาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์แจ๊สคันนี้ไม่เย็น  เย็นน้อย  เย็นไม่ฉ่ำ  เย็นสู้แดดไม่ได้ก็ได้ข้อสรุปว่าต้องดำเนินการแก้ไขอะไรบ้าง ดังนี้
1.ถอดตู้คอล์ยเย็นบริเวณคอนโซนด้านหน้าออกมาล้างทำความสะอาด
2.เปลี่ยนซีนโอริงบริเวณจุดต่อสายทางด้านแรงดันสูง และแรงดันต่ำ
3.เติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เพิ่มเติมเล็กน้อย
4.ถอดชุดโบว์เวอร์พัดลมใต้คอนโซนด้านหน้าออกมาล้างทำความสะอาด
5.ล้างแผงระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถยนต์ให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างคอล์ย
6.เปลี่ยนพัดลมช่วยระบายความร้อน 1 ตัว ทดแทนของเดิมที่เสียไป

จากนั้นก็เริ่มลงมือแก้ไขทันทีโดยเริ่มจากการปล่อยน้ำยาออกจากระบบให้หมดก่อน  เมื่อปล่อยน้ำยาออกไปหมดแล้ว  ก็ใช้ประแจเลื่อน 2 ตัวทำการคลายข้อต่อของสายน้ำยาออก  แล้วเริ่มรื้อชุดคอนโซนหน้าออกที่ละชิ้นๆ จนมองเห็นชุดคอล์ยเย็น  จากนั้นก็ดึงชุดคอล์ยเย็นออกมาทำการถอดฝาครอบคอล์ยเย็นออก  เพื่อนำชุดคอล์ยเย็นออกไปล้างทำความสะอาดโดยใช้วิธีฉีดน้ำแรงดันสูง ล้างทำความสะอาดจากนั้นฉีดน้ำยาล้างคอล์ยและใช้น้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาดคอล์ยเย็นอีกครั้งให้สะอาด  เพื่อให้สามารถระบายความเย็นได้ดีขึ้น   จากนั้นเริ่มถอดชุดโบว์เวอร์พัดลมเป่าความเย็นออกมาล้างทำความสะอาดที่บริเวณใบพัดลม  จากนั้นทำการคอดชุดกระจังหน้าและสปอยเลอรืด้านหน้าออกให้หมด  ใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูงฉีดปรับปลายกระบอกปืนฉีดน้ำให้ฉีดออกมาเป็นฝอยกระจาย จากนั้นฉีดไปที่บริเวณแผงระบายความร้อนด้านหน้าสัก 2 รอบ  เมื่อฉีดน้ำล้างเบื้องต้นเสร็จแล้วจึงน้ำน้ำยาล้างทำความสะอาดคอล์ยร้อนฉีดลงบนแผงระบายความร้อน  ทิ้งไว้สักประมาณ 15-20 นาที  เพื่อให้น้ำยาล้างเริ่มทำความสะอาดโดยการกัดคราบสกปรกออกมา  โดยสังเกตุจากบริเวณแผงระบายความร้อนจะเริ่มมีฟองผุดออกมาพร้อมคราบสกปรก เมื่อทิ้งไว้ครบตามเวลาที่กำหนดแล้วใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างเพื่อทำความสะอาด  จากนั้นฉีดน้ำยาล้างคอล์ยเข้าไปอีกครั้งแล้วล้างออกให้สะอาด  เมื่อดำเนินการเสร็จทุกขั้นตอนแล้วก็ประกอบชิ้นส่วนกลับ  จากนั้นเปลี่ยนซีนโอริงบริเวณข้อต่อสายทั้ง 2 เส้น  เมื่อเปลี่ยนโอริงเสร็จแล้วใช้ประแจเลื่อนขันล็อกเกลียวให้แน่น  จากนั้นต่อสายเกจวัดแรงดันเข้าท่อน้ำยาทั้ง 2 เส้น  โดยการต่อสายเกจด้านแรงดันต่ำเข้าท่อทางดูด (ท่อเย็น)  และต่อสายเกจด้านแรงดันสูงเข้าทางด้านอัด (ท่อร้อน)  และต่อสายเกจสีเหลืองเข้าที่เครื่องปั๊มสุญญากาศ  จากนั้นเปิดเครื่องปั๊มสุญญากาศให้ทำงาน และเปิดวาวล์เกจทั้งสองด้านออกเพื่อให้เครื่องปั๊มสุญญากาศดูดเอาอากาศภายในระบบออกมาให้หมด  โดยสังเกตที่ชุดเกจวัดแรงดันน้ำยาด้านแรงดันต่ำเข็มวัดต้องตกลงมาอยู่ที่ 0 หรือต่ำกว่า  จากนั้นทดลองปิดวาวล์เกจทั้ง 2 ด้านทิ้งไปประมาณ 30 นาที  สังเกตดูที่เข็มเกจด้านแรงดันต่ำต้องอยู่ตำแหน่งเดิม  ไม่เลื่อนขึ้นมา  หากเข็มเกจเลื่อนขึ้นมาแสดงว่าระบบมีการรั่วต้องทำการตรวจสอบและแก้ไขใหม่  จากนั้นทำการแว๊กระบบใหม่อีกครั้ง   เมื่อทำการแว๊กระบบเสร็จแล้วไม่พบการรั่วให้ทำการเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เพิ่มเข้าไปตามปริมาณที่สูญเสีย โดยการเทน้ำมันใส่กระบอกตวงตามปริมาณที่ต้องการ  จากนั้นนำสายเกจวัดแรงดันสีเหลืองจุ่มลงไปในกระบอกที่มีน้ำมันคอมเพรสเซอร์  จากนั้นเปิดวาวล์เกจวัดแรงดันด้านต่ำออกเพื่อให้ดูดน้ำมันคอมเพรสเซอร์เข้าไปในระบบ  เมื่อเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เข้าไปแล้ว  ให้ทำการแว๊กสุญญากาศใหม่อีกครั้ง   ตามขั้นตอนข้างต้น  จากนั้นจึงนำสายเกจสีเหลืองมาต่อเข้ากับถังน้ำยาแอร์ R134a เปิดวาวล์ถังน้ำยาออก  จากนั้นทำการไล่อากาศภายในสายน้ำยาออกให้หมด  โดยการคลายข้อต่อสายสีเหลืองบริเวณด้านใต้เกจวัดแรงดันออกเล็กน้อยเพื่อไล่อากาศออก  โดยสังเกตจากเมื่อคลายสายสีเหลืองออกจะมีแรงดันน้ำยาพุ่งออกมาจากนั้นหมุนสายเกจเข้าให้แน่นเหมือนเดิม  จากนั้นเปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำเพื่อให้น้ำยาแอร์ไหลเข้าไปในระบบ ฟังเสียงน้ำยาไหลเข้าไปจนเสียงฟี๊ดเงียบไป  ปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำ  แล้วไปสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ทำงานจากนั้นเปิดระบบแอร์ให้ทำงานโดยปรับเทอร์โมสตัทไปที่ตำแหน่งเย็นสุด และปรับสปีดพัดลมไปที่ตำแหน่งแรงสุด  จากนั้นออกมาดูที่เกจวัดแรงดันน้ำยาว่ามีปริมาณน้ำยาอยู่เท่าไหร่  หากน้ำยาน้อยให้เติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับ 30 psi ทางด้านแรงดันต่ำ ,และแรงดันทางด้านสูงไม่เกิน 200 psi.

     

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2561

วิธีการซ่อมรั่วแอร์มิตชูบิชิ Heavy Duty คอล์ยเย็นรั่วแบบละเอียดทุกขั้นตอน



วิธีซ่อมแอร์มิตซูบิชิ Heavy Duty อาการคอล์ยเย็นรั่ว  จากตอนแรกน้องที่ทำแอร์ด้วยกันได้เคยไปเติมน้ำยาแอร์ให้แล้ว 1 ครั้ง  แต่ผ่านไปไม่ถึง 3 วันแอร์รั่วอีกแล้ว วันนี้จึงได้เข้าไปช่วยตรวจเช็คและทำการแก้ไข  โดยได้ดำเนินการ ดังนี้
1.ต่อเกจวัดระดับน้ำยาแอร์ว่ามีเหลืออยู่ในระบหรือไม่
2.หากมีน้ำยาแอร์หลงเหลืออยู่ในระบบให้ดูดน้ำยาแอร์กลับเพื่อเก็บในคอมเพรสเซอร์ หากเหลือไม่มากทำการปล่อยน้ำยาออกจากระบบให้หมด
3.ทำการปิดเบรคเกอร์และตัดระบไฟฟ้าออกจากวงจร
3.ถอดฝาครอบชุดแผงคอลืยเย็นออก
4.เริ่มถอดฝาครอบคอล์ยเย็นออก  ที่ฝั่งทางด้านซ้ายคลายสกรูเพื่อเปิดฝาครอบท่อทองแดงออกพบคราวน้ำมัน  แสดงว่าบริเวณนี้รั่วจึงทำให้แอร์ไม่เย็น
5.ถอดสายไฟระบบจากเบรคเกอร์ที่เข้ามายังชุดคอลโทรลคอล์ยเย็นออก
6.คลายข้อต่อท่อทองแดงบริเวณจุดต่อท่อน้ำทิ้งออก ทั้ง 2 ท่อ  จากนั้นให้ยกตัวคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อยและดึงออกเข้าหาตัว
7.เมื่อถอดตัวคอล์ยเย็นออกมาแล้วให้ยกลงมาด้านล่างทำการถอดชิ้นส่วนต่างๆออกให้หมด  เริ่มตั้งแต่ถอดระบบกล่องคอลโทรลไฟฟ้าออก  ,ถอดชุดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก ,ถอดสายเซนเซอร์ต่างๆจากตัวแผงคอล์ยเย็นออก ,จากนั้นยกแผงคอล์ยเย็นออกจากโครงยึด
8.นำแผงคอล์ยเย็นมาตรวจสอบ  ดังนี้
8.1 นำข้อต่อสำหรับทดสอบรั่ว  มาต่อที่ปลายท่อทองแดงทั้ง 2 ท่อ  โดยปลายด้านท่อใหญ่ให้ปิดมิดชิด
ส่วนอีกปลายด้านหนึ่ง (ท่อเล็ก)  ให้เชื่อมต่อข้อต่อที่สามารถต่อสายเกจวัดแรงดันเข้าไปได้
8.2 จากนั้นนำสายเกจสีเหลืองต่อกับกับชุดเรคกลูเรเตอร์จากถังไนโตรเจน (ยังไม่ต้องเปิดวาวล์)
8.3 ทำการปรับเรคกลูเรเตอร์ (อุปกรณ์วัดแรงดันจากถังไนโตรเจน)  ให้อยู่ในตำแหน่งแรงดัน 0-100 psi.โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาออก  เพื่อป้องกันแรงดันจากเรคกลุเรเตอร์มากเกินไป
8.4 นำสายที่ต่อสายเกจวัดแรงดันด้านไฮ (เกจสีแดง)  ต่อเข้ากับปลายท่อทองแดงด้านที่ใส่สายเกจวัดแรงดันได้และล็อกให้แน่น
8.5 เปิดฝาปิดถังแรงดันไนโตรเจนออกเล็กน้อย  จากนั้นสังเกจเข็มวัดแรงดันจะมี 2 ตัว  ตัวแรกจะใช้วัดแรงดันก๊าซไนโตรเจนที่มีทั้งหมดในถัง เข็มเกจจะขึ้นทันทีที่เปิดวาวล์ , ตัวที่ 2 จะใช้วัดแรงดันเมื่อมีการปรับเรคกลูเรเตอร์เข้า - ออก เพื่อให้ได้แรงดันตามที่กำหนด
8.6 นำสายเกจด้านไฮมาต่อที่สายทางออกของชุดเรคกลูเรเตอร์ (ชุดปรับแรงดัน) จากนั้นเปิดวาวล์จากเกจแรงดันด้านไฮเพื่อให้ไนโตรเจนวิ่งเข้าไปในชุดคอล์ยเย็นที่เราต้องการทดสอบรั่ว  สังเกตุแรงดันที่เกจของชุดเรกกลูเรเตอร์ว่าอยู่เท่าไหร่ ปกติจะเริ่มทดสอบที่ 100 psi , 150 psi , 200 psi และสูงสุดอยู่ที่ 250 psi ตามลำดับ
8.7 นำชุดคอล์ยเย็นที่อัดไนโตรเจนเข้าไปแล้ว  นำไปจุ่มน้ำทิ้งไวสังเกตุดูว่ามีฟองเกิดขึ้นหรือไม่
8.8 เมื่อพบตำแหน่งที่ฟองเกิดขึ้นแล้วให้จดจำตำแหน่งให้ดี  จากนั้นนำชุดคอล์ยเย็นขึ้นจากน้ำปล่อยก๊าซไนโตรเจนออก  และทำการเชื่อมอุดรอยรั่วบริเวณดังกล่าว
8.9 เมื่อเชื่อมเสร็จแล้วทำให้ท่อเย็นลง  จากนั้นต่อสายเกจด้านไฮกลับเข้าไปอีกครั้ง ทำการอัดไนโตรเจนเข้าไปใหม่อีกครั้งตามแรงดันที่ต้องการ  จากนั้นนำชุดคอล์ยเย็นลงไปแช่น้ำอีกครั้งแล้วสังเกตุดูว่าฟองอากาศยังมีอยู่หรือไม่  หาดยังพบฟองอากาศอยู่ให้ทำตามขั้นตอนข้างต้นใหม่จนกว่าจะไม่เห็นฟองอากาศ  ดดยอัดไนโตรเจนไว้ที่ 250 psi. ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง  หากแรงดันไม่ตกแสดงว่าไม่รั่ว
8.10 เมื่อทดสอบรั่วเสร็จแล้วทำการประกอบชิ้นส่วนต่างๆที่ถอดออกจากชุดคอล์ยเย็นกลับเข้าตำแหน่งเดิมให้ครบ
8.11 ยกชุดคอล์ยเย็นกลับเข้าไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมที่ผนัง  ทำการต่อชุดระบบท่อน้ำยาทั้ง 2 ท่อให้แน่น  ต่อท่อน้ำทิ้ง  จากนั้นต่อระบบยไฟฟ้า
8.12 จากนั้นทำการทดสอบการรั่วภายในระบบ โดยการต่อสายเกจเส้นสีเหลืองเข้ากับเครื่องแว๊กสุญญากาศ  และนำสายเกจด้านโล (แรงดันต่ำเกจสีน้ำเงิน)  ต่อเข้ากับท่อทองแดงทางด้านแรงดันต่ำ  จากนั้นเปิดเครื่องแว๊กสุญญากาศ ทำการแว๊กสุญญากาศประมาณ 30 นาที  เข็มเกจด้านแรงดันต่ำต้องตกลงมาอยู่ที่ -30 นิ้วปรอท  จากนั้นปิดวาวล์เกจให้แน่น ,ปิดเครื่องแว๊กสุญญากาศ  และสังเกตุที่เข็มเกจว่ามีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือไม่  กรณีพบว่าเข็มเกจมีแรงดันเพิ่มขึ้นแสดงว่ายังมีการรั่วในระบบอยู่
8.13 เมื่อแว๊กสุญญากาศเสร็จแล้วให้ปิดเกจและทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที  หากเข็มเกจอยู่นิ่งกับที่แสดงว่าไม่มีรั่วซึม  ทำการแว๊กสุญญากาศต่ออีก 30 นาที  จากนั้นปิดเกจให้แน่นและถอดเครื่องแว๊กออก
8.14 นำสายเกจสีเหลืองมาต่อเข้ากับถังน้ำยาแอร์  และปลายสายทางด้านโล (แรงดันต่ำ)  ต่อกับกับท่อทองแดงทางด้านแรงดันต่ำ  จากนั้นเปิดวาวล์น้ำยาที่ถังน้ำยา  และเปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำเพื่อให้น้ำยาไหลเข้าสู่ระบบ  ฟังเสียงน้ำยาไหลเข้าระบบจะดัง  ฟี๊ส........เมื่อสิ้นสุดเสียงน้ำยาแล้วให้ปิดวาวล์เกจให้สนิท
8.15 เปิดเครื่องปรับอากาศรอให้ชุดคอมเพรสเซอร์ทำงาน  เมื่อคอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานแล้วให้สังเกตุที่วาวล์เกจจะแสดงแรงดันน้ำยาในระบบ  น้ำยาภายในระบบจะต้องมีไม่น้อยกว่า 65 psi - 80 psi. หากในระบบมีน้ำยาไม่เพียงพอให้เปิดเกจเพื่อเติมน้ำยาเข้าระบบต่อไป  โดยสังเกตุที่เกจวัดแรงดันเป็นระยะๆ
8.16 ใช้คีมแอมป์จับกระแสไฟฟ้าควบคู่การเติมน้ำยาแอร์โดยให้ดูที่เนมเพลทประกอบว่าเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวกินกระแสไฟฟ้าเท่าไหร่
8.17 ตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้องว่าสามารถทำความเย็นได้หรือไม่  หากอุณหภูมิภายในห้องเย็นตามที่กำหนดถือว่าการซ่อมรอยรั่วผ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

วิธีล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO ง่ายๆด้วยตัวเอง



วิธีล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO
วันนี้ว่างจึงมีโอกาสได้ล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO  ของตัวเองหลังจากที่ติดภาระกิจต่างๆ  ไม่ได้ล้างทำความสะอาดสักที
วิธีการถอดกระจังหน้าออกเพื่อล้างทำความสะอาด ขั้นตอนดังนี้
1.ถอดกระจังหน้า (ชุดที่มีโลโก้ TOYOTA) ติดอยู่ถอดออกเลยโดยจะมีพุกพลาสติกล็อกอยู่ด้านบน 2 ตัว เป็นน็อตหัแฉกอีก 2 ตัว (ซ้าย-ขวา)  และเป็นพุกพลาสติกที่ด้านล่างอีก 2 ตัว
2.โดยด้านบนน็อตล็อกฝั่งซ้ายและฝั่งขวา จะเป็นน็อตหัวแฉก  ขันออกโดยใช้ไขควงแฉกหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมา
3.พุกพลาสติกด้านบนตรงกลางจะมีอีก 2 ตัว เอาออกโดยใช้ไขควงแบนพยายามสอดเข้าไปบริเวณช่องว่างด้านบนหัวพุกจากนั้นค่อยๆงัดขึ้น  เมื่องัดขึ้นได้แล้วให้ใช้มือดึงออกมาได้เลย
4.จากนั้นค่อยๆง้างกระจังหน้าออกเข้าหาตัวเล็กน้อย (เบาๆระวังหัก) เพื่อให้สามารถสอดมือและไขควงแบนเข้าไปเพื่องัดพุกพลาสติกด้านล่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวาได้ง่าย
5.จากนั้นดึงกระจังหน้าเข้าหาตัว กระจังหน้าก็จะหลุดออกมาได้อย่่างง่ายๆ
6.ใช้ปืนฉีกน้ำแรงดันสูงโดยปรับปลายปืนฉีดน้ำให้กระจายออกเพื่อป้องกันแผงระบายความร้อนล้ม  จากนั้นฉีดล้างทำความสะอาดให้ทั่วแผงระบายความร้อน
7.ใช้น้ำยาล้างคอล์ย Super Clean ผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วนน้ำยาล้างคอล์ยครึ่งขวดผสมกับน้ำเปล่าครึ่งขวด  ผสมให้เข้ากันจากนั้นนำไปราดลงบนตัวแผงระบายความร้อนให้ทั่วแผง
8.จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที  เพื่อให้น้ำยากัดเอาคราบสกปรกต่างๆบนแผงระบายความร้อนออก  โดยสังเกตจากฟองน้ำยาที่กัดคราบสกปรกออกมา  เมื่อครบ 15 นาทีแล้ว  ให้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงปรับน้ำให้กระจายและฉีดล้างทำความสะอาดให้ทั่วทั้งแผงระบายความร้อน
9.ใช้น้ำยาล้างคอล์ยที่เหลืออีกครึ่งขวด  ราดลงบนแผงระบายความร้อนให้ทั่วแผงอีกครั้งและทิ้งไว้อีกประมาณ 15 นาที  จากนั้นจึงใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาดแผงระบายความร้อนให้สะอาดอีกครั้ง
10.ใช้ Blower เป่าไล่น้ำออกจากแผงระบายความร้อนให้แห้ง  และเป่าบริเวณจุดต่อสายไฟต่างๆที่น้ำอาจกระเด็นใส่ให้แห้ง
11.ประกอบชุดกระจังหน้ากลับเข้าตำแหน่งเดิม  โดยใส่พุกพลาสติกด้านล่างก่อนทั้ง 2 ตัว  (อยู่ด้านซ้ายและ-ขวา)  จากนั้นจึงใส่พุกพลาสติกด้านบน (บริเวณกลางกระจังหน้าอีก 2 ตัว)  จากนั้นจึงใช้ไขควงแฉกขัดล็อกน็อตหัวแฉกทางด้านซ้ายและด้านขวาให้แน่น
12.ตรวจสอบชุดกระจังหน้าให้เรียบร้อยว่ามีการประกอบถูกต้อง และลงล็อกแน่นสนิททุกด้าน  จากนั้นทดสอบการทำงานของแผงระบายความร้อนโดยการสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดให้แอร์ทำงาน  จะพบว่าแอร์มีความเย็นมากขึ้น และที่แผงระบายความร้อนด้านหน้าก็สามารถดูดระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น 

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

วิธีการเปลี่ยนยอยขับแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์ชนิดแขวนใต้ฝ้า



วิธีเปลี่ยนยอยขับแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์ชนิดแขวนใต้ฝ้า
วิธีการเปลี่ยนยอยยางขับแกนมอเตอร์  สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1.ปิดเครื่องปรับอากาศ และปิดเมนระบไฟฟ้าให้เรียบร้อย
2.ทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางฟิตเตอร์กรองฝุ่นออก
3.ถอดขั้วต่อสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็น
4.ถอดน็อตล็อกในจุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมออกให้หมด  และจดจำตำแหน่งยึดน็อตให้ดี
5.ปลดสปริงหรือลวดที่ใช้ผูกมัดกับโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก
6.ค่อยๆยกชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อย  จากนั้นดึงกลับเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากตำแหน่งยึดน็อตตรงกลาง ,ด้านซ้ายและด้านขวา
7.ค่อยๆยกลงมายังพื้นด้านล่าง  โดยการยกต้องค่อยๆขยับออกมาทีละด้านเนื่องจากพื้นที่สำหรับยึดโครงพัดลมคับแคบ
8.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัแฉกที่ล็อกชุดฝาครอบใบพัดลมออกให้หมดทุกตัว
9.ถอดฝาปิดด้านข้างชุดครอบใบพัดลม Blower ออกทั้ง 2 ด้าน
10.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูล็อกบู๊ทรองแกนมอเตอร์ออก  จะมีสกรูอยู่ 2 ตัว
11.จากนั้นเลื่อนชุดฝาครอบใบพัดลมออกมาทางด้านข้างอย่างระมัดระวัง  (โดยขั้นตอนนี้ให้ทำทีละ 1 ด้าน) ซ้ายและขวา
12.ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมคลายน็อตตัวหนอนออกมาโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา  และจดจำตำแหน่งความลึกของการวางยอยไว้เพื่อเวลสใส่ยอยกลับคืนจะได้อยู่ในตำแหน่งเดิม
13.ใส่ยอยตัวใหม่ทดแทนลงไปที่ตำแหน่งเดิม  โดยให้ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันน็อตตัวหนอนหมุนตามเข็มนาฬิกาเข้าไป  โดยให้ขันล็อกยอยทางด้านที่มีใบพัดลม Blower ยึดให้แน่นก่อน  จากนั้นจึงนำยอยอีกด้านไปสวมใส่กับแกนมอเตอร์พัดลมและใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันล็อกให้แน่น
14.นำชุดบู๊ทรองแกนมอเตอร์ติดตั้งกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิม  โดยปรับตั้งให้ได้ระดับเดียวกันกับแกนมอเตอร์หมุน  จากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่น
15.นำฝาครอบชุดใบพัดลม Blower ติดตั้งกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิมจากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกาเข้าไป จำนวนทั้งหมด 4 ตัว
16.ลองใช้มือจับใบพัดลม Blower หมุนดูว่ามีการติดขัดกับฝาครอบ Blower หรือไม่  หากติดขัดให้ทำการปรับตั้งตำแหน่งใบพัดลม Blower ใหม่ , หากไม่ติดขัดให้ใส่ฝาปิดด้านข้างชุดฝาครอบ Blower กลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิม
17.เมื่อทำการเปลี่ยนยอยครบทั้ง 2 ด้านเสร็จแล้ว  ให้นำขึ้นไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมให้เรียบร้อย
18.เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทดลองเดินเครื่องอีกครั้งว่ามอเตอร์มีการหมุนสะดวก  ไม่ติดขัดและมีเสียงดังถือว่าทำงานจบเรียบร้อย

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์แขวนใต้ฝ้า



วิธีเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นชนิดแอร์แขวนใต้ฝ้า

1.ปิดเครื่องปรับอากาศ และปิดเมนระบไฟฟ้าให้เรียบร้อย
2.ทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางฟิตเตอร์กรองฝุ่นออก
3.ถอดขั้วต่อสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็น
4.ถอดน็อตล็อกในจุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมออกให้หมด  และจดจำตำแหน่งยึดน็อตให้ดี
5.ปลดสปริงหรือลวดที่ใช้ผูกมัดกับโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก
6.ค่อยๆยกชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อย  จากนั้นดึงกลับเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากตำแหน่งยึดน็อตตรงกลาง ,ด้านซ้ายและด้านขวา
7.ค่อยๆยกลงมายังพื้นด้านล่าง  โดยการยกต้องค่อยๆขยับออกมาทีละด้านเนื่องจากพื้นที่สำหรับยึดโครงพัดลมคับแคบ
8.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัวแฉกที่ล็อกชุดฝาครอบใบพัดลม Blower ออก จำนวน 4 ตัว  จากนั้นถอดฝาปิดด้านข้างฝาครอบใบพัดลม Blower
9.ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมคลายน็อตตัวหนอนที่ใบพัดลม Blower ออก  โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา  จากนั้นค่อยๆดึงใบพัดลม Blower และฝาครอบ Blower ออกไปทางด้านข้าง
10.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัวแฉกที่ล็อกบู๊ทรองแกนมอเตอร์ออก โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาออก  จำนวน 2 ตัว  จากนั้นใช้มือจับชุดบู๊ทรองแกนมอเตอร์ค่อยๆดึงออกมาทางด้านข้าง
11.นำบู๊ทรองแกนมอเตอร์ตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิม  และใช้ไขควงแฉกขันสกรูหัวแฉกโดยหมุนตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่น
12.ใส่ฝาครอบใบพัดลม Blower กลับเข้าไปตำแหน่งเดิมจากนั้นใส่ใบพัดลม Blower กลับตามเข้าไป  และใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันล็อกให้แน่นตามเดิม (ระวังใส่ใบพัดลม Blower กลับด้าน)
13.ใส่ฝาปิดด้านข้างชุดฝาครอบ Blower จากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่่น  ทั้งหมดจำนวน 4 ตัว
14.เมื่อทำการเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์เสร็จทั้ง 2 ด้านแล้ว  ให้นำขึ้นไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมให้เรียบร้อย
15.เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทดลองเดินเครื่องอีกครั้งว่ามอเตอร์มีการหมุนสะดวก  ไม่ติดขัดและมีเสียงดังถือว่าทำงานจบเรียบร้อย

วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

วิธีการซ่อมชุดพัดลมคอลย์ร้อนไม่ทำงาน สาเหตุจากแม็กเนติกเสีย



วิธัการซ่อมชุดพัดลมคอล์ยร้อนไม่ทำงาน  สาเหตุมาจากแม็กเนติกเสีย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยการเปิดรีโมทแอร์เพื่อให้ระบแอร์ทำงาน  พบว่าชุดชุดมอเตอณืพัดลมระบายความเย็นสามารถทำงานได้ตามปกติ  เช็คระบบไฟฟ้าถูกสั่งงานมาถึงชุดเทอร์มินอล (จุดต่อสายไฟฟ้าชุดคอล์ยร้อน  Condenzing Unit)  จึงทำการเปิดฝาครอบชุดคอล์ยร้อนออกเพื่อทำการวัดระบบไฟฟ้าที่ตัวแม็กเนติก  ทำการวัดระบไฟฟ้าขาเข้าแม็กเนติกได้  220 VAC ,ทำการวัดระบบไฟฟ้าออกมาชุดแม็กเนติกได้ 0 VAC  แสดงว่าชุดคอล์ยแม็กเนติกขาด  ทำการแก้ไขโดยการนำแม็กเนติกไฟฟ้า ขนาด 220 VAC   ทนกระแสได้ 30 A. มาใส่ทดแทน 
โดยมีวิธีการเปลี่ยนแม็กเนติก ดังนี้
1.ใช้ไขควงถอดฝาน็อตยึดในจุดต่างๆออก  เพื่อถอดฝาปิดครอบชุดโครงระบายความร้อน  Condenzing
2.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า  เมื่อปิดระบบไฟฟ้าแล้วให้วัดแรงดันไฟฟ้าด้วยโวล์ทมิเตอร์อีกครั้ง  หรือใช้ไขควงเช็คไฟเช็คดูอีกครั้งว่าได้ตัดระบบไฟฟ้าออกแล้ว
3.ทำการถอดสายไฟฟ้าต่างๆที่ต้่อเข้ากับชุดแม็กเนติกเดิมออก โดยพยายามจดจำสายต่างๆไว้ให้ดีว่ามีการต่อระบบไฟฟ้าไว้อย่างไร
4.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูที่ยึดชุดแม็กเนติกออก  และถอดแม็กเนติกที่ชำรุดออก
5.นำชุดแม็กเนติกตัวใหม่ที่มีขนาดแรงดันไฟฟ้า และกระแสเท่ากันใส่ทดแทนลงไปยังตำแหน่งเดิม
6.นำชุดสายไฟฟ้าที่มีไฟ สาย L นำมาต่อเข้ากับชุดแม็กเนติกด้านที่มีหน้าสัมผัสตัดต่อระบบไฟฟ้า
7.นำชุดสายไฟฟ้าด้านที่ไม่มีไฟ สาย N นำมาต่อเข้ากับชุดแม็กเนติกด้านที่ไม่มีหน้าสัมผัสตัดต่อไฟฟ้า
8.นำสายไฟฟ้าที่มีการต่อหางปลาแล้วทั้งสองด้าน จำนวน 1 เส้น มาเสียบเข้าที่จุดต่อสายไฟด้านสาย N และปลายสายไฟอีกด้านหนึ่งนำไปเสียบเข้ากับชุดคอล์ยไฟฟ้าของแม็กเนติกด้านหนึ่ง
9.นำสายไฟฟ้าที่เป็นสายไฟที่ถูกสั่งงานมาจากชุดรีโมทเสียบเข้ากับชุดคอล์ยแม็กเนติกด้านที่เหลือ
10.นำสายไฟฟ้าด้านที่ออกจากแม็กเนติด (ด้านที่มีไฟ สาย L) นำไปต่อเข้ากับชุดหัวหลักคอมเพรสเซอร์ ขั้ว C
11. นำสายไฟฟ้าด้านที่ออกจากแม็กเนติก (ด้านที่ไม่มีไฟ สาย N) นำไปต่อเข้ากับชุดหัวหลักคอมเพรสเซอร์  ขั้ว R
12. นำสายไฟฟ้าที่ออกจากขั้วหลักคอมเพรสเซอร์ ขั้ว  S มาต่อเข้ากับขั้วของ Capacitor 1 ด้าน  และขั้ว Capacitor อีก 1 ด้านให้นำสาย N จากแม็กเนติกมาต่อ
13. นำสายไฟฟ้าจากชุดมอเตอร์พัดลมสีแดง 1 เส้นมาต่อเข้ากับชุดสายไฟของแม็กเนติกขาออก สายที่มีไฟ สาย L
14. นำสายไฟจากมอเตอร์พัดลมสีดำ 1 เส้น มาต่อเข้ากับขั้วต่อสายไฟชุด Capacitor ตัวสีเหลี่ยมสีดำ ขนาด 1.5 ไมโครฟารัด  ,อีกขั้วต่อสายหนึ่งของชุด Capacitor ให้นำสาย N มาต่อเข้า
15. นำสายไฟจากมอเตอร์พัดลมที่เหลืออยู่ 1 เส้น สีขาว  นำมาต่อเข้ากับสาย N
16. ทำการประกอบฝาปิดชุดคอล์ยร้อย  ขัดสกรูล็อกให้แน่นทุกจุด
17. ทำการทดสอบระบบการทำงานโดยการเปิดเมนไฟฟ้า จากนั้นเปิดรีโมทให้แอร์ทำงาน พัดลมคอล์ยเย็นด้านในจะทำงานทันที  ส่วนชุดมอเตอร์ระบายความร้อนและชุดคอมเพรสเซอร์ต้องรอการหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที

วิธีการแก้ไขอาการแอร์ไม่มีความเย็น ที่บริเวณท่อจับตัวเป็นน้ำแข็ง สาเหตุม...