รีวิวประสบการณ์งานซ่อมแก้ไขงานช่าง จากประสบการณืจริงที่เจอในหน้างานพร้อมทั้งแนะนำแนวทางในการตรวจสอบและแก้ไข
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier อาการวงจรควบคุมการทำงานช๊อต
วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier อาการวงจรการทำงานลัดวงจร
วิธีเปลี่ยนชุดคอนโทรลแอร์ Carrier ขั้นตอนดำเนินการดังนี้
1.ทำการตัดระบบเมนควบคุมไฟฟ้าออก
2.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกฝาด้านข้างออก จำนวน 2 ตัว
3.เลื่อนฝาครอบด้านข้างเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากล็อก
4.ถอดฝาครอบด้านข้างออกจะมองเห็นชุดฝาครอบชุดกล่องคอนโทรลอยู่
5.ใช้ไขควงคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ยึดฝาปิดครอบออกทุกตัว
6.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกแผงชุดคอนโทรลออก จากนั้นดึงชุดแผงคอนโทรลออกมา ก่อนถอดชุดคอนโทรลออกให้ทำการถ่ายรูปจุดต่อสายไฟไว้ก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในกรณีต่อสายไฟฟ้ากลับเข้าตำแหน่งเดิม และนำไปตรวจเช็คและทำการแก้ไขต่อไป
7.เมื่อซ่อมแผงคอนโทรลเสร็จแล้ว ให้นำกลับมาติดตั้งยังตำแหน่งเดิม
8.ใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกชุดแผงคอนโทรลให้แน่น
9.ต่อระบบสายไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทำงานของอุปกรณืต่างๆกลับเข้าตำแหน่งเดิม โดยดูจากรูปการต่อสายไฟฟ้าที่เราได้ถ่ายรูปเก็บไว้ตามข้อ 6
10.ทำการใส่ฝาครอบชุดคอนโทรลกลับเข้าตำแหน่งเดิม และขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น
11.ใส่ฝาครอบด้านข้างโดยการนำฝาครอบใส่เข้าไปให้ตรงล็อก จากนั้นใช้มือดันฝาครอบด้านข้างเข้าไปจะทำให้ฝาครอบด้านข้างเข้าตรงล็อกพอดี
11. เมื่อใส่ฝาครอบด้านข้างเสร็จแล้ว ใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาครอบให้แน่น
12.ทำการเปิดระบบเมนควบคุมไฟฟ้า จากนั้นใช้รีโมทกดทดลองเปิดให้แอร์ทำงานตามปกติ
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561
วิธีการตรวจซ่อมและแก้ไขแอร์ Carrier อาการแอร์เปิดไม่ได้ ไม่มีไฟที่ตัวรับ...
วิธีเปลี่ยนตัวรับสัญญาณรีโมทแอร์ Carrier ชนิดแขวนใต้ฝ้าเพดาน
วิธีการดำเนินการมีขั้นตอน ดังนี้
1.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้าที่ควบคุมแอร์
2.ทำการปลดล็อกแผ่นพลาสติกสำหรับวางชุดฟิลเตอร์แอร์ออก จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกและทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางแผ่นฟิลเตอร์ลง
3.ใช้มือดันฝาครอบแอร์ด้านข้างทั้ง 2 ด้านเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดออกจากล็อกจากนั้นทำการถอดฝาครอบด้านข้างออกจะมองเห็นน็อตล็อกอยู่
4.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกแผ่นฝาครอบด้านหน้าออกทั้ง 2 ฝั่ง จากนั้นค่อยๆปลดฝาเครื่องด้านหน้าลง จะมองเห็นแผงครบคุมตัวรับสัญญาณรีโมทแอร์
5.ทำการปลดซ็อกเก็ตสวมสายไฟควบคุมแผงตัวรับสัญญาณรีโมทออก
6.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกตัวรับสัญญาณรีโมทออกทั้ง 2 ตัว จากนั้นดึงชุดตัวรับสัญญาณรีโมทที่เสียออก
7.นำตัวรับสัญญาณรีโมทตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปที่ตำแหน่งเดิม จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกชุดตัวรับสัญญาณให้แน่นทั้ง 2 ตัว
8.นำสายไฟที่จ่ายไฟให้ตัวรับสัญญาณรีโมทที่ปลดออก นำมาสวมเข้ากับตัวรับสัญญาณรีโมทให้แน่นเหมือนเดิม
9.นำฝาครอบแอร์ด้านหน้ามาติดตั้งกลับยังตำแหน่งเดิม จากนั้นใช้ไขควงแฉกทำการขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาปิดให้แน่นทั้ง 2 ด้าน
10.ใส่ฝาครอบด้านข้างกลับเข้าตำแหน่งเดิม โดยการสวมเข้าทางด้านหน้าจากนั้นดันให้เข้าล็อกและใช้ไขควงแฉกขัดสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น
11.นำแผ่นพลาสติกที่ใช้วางแผ่นฟิลเตอร์ประกอบกลับเข้าตำแหน่งเดิม
12.ตรวจสอบความเรียบร้อนจากการประกอบชิ้นส่วนให้เรียบร้อย จากนั้นเปิดเมนควบคุมระบบไฟฟ้า จะเห็นว่ามีไฟแสดงการทำงานที่ตัวรับสัญญาณรีโมท
13.ใช้รีโมทกดเพื่อเปิดเครื่องให้เครื่องทำงาน จากนั้นทำการทดสอบโดยการลองกดที่รีโมทดูว่าสามารถปรับลดและเพิ่มอุณหภูมิได้ตามปกติดหรือไม่
วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561
วิธีการถอดล้างและประกอบแอร์ DAIKIN ชนิดตู้ตั้งพื้น
วิธีถอดและประกอบชิ้นส่วนแอร์ชนิดตู้ตั้งพื้นออกเพื่อล้างทำความสะอาด
ขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
1.ทำการตัดระบบไฟฟ้าที่จ่ายเข้าเครื่องก่อน โดยการปิดเบรคเกอร์ควบคุมไฟฟ้าที่ตู้เมนไฟฟ้า
2.ทำการถอดฝาครอบตู้แอร์ด้านบนออก โดยใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกทั้งหมด
จากนั้นยกฝาครอบตู้แอร์ด้านบนออก
3.ถอดตะแกรงกรองฝุ่น (ฟิลเตอร์แอร์) ออก โดยใช้มือทั้งสองข้างจับแผ่นฟิตเตอร์ไว้ จากนั้นปลดออกจากล็อกแล้วค่อยๆดึงออกมาทีละแผ่น โดยจะมีแผ่นฟิตเตอร์อยู่ทั้งหมดจำนวน 2 แผ่น
4.ทำการถอดฝาครอบตู้แอร์ด้านล่างออก โดยใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยออกทั้งหมด จากนั้นยกฝาครอบตู้แอร์ด้านล้างออก
5.จากนั้นต่อระบบน้ำเข้ากับปั๊มน้ำแรงดันสูง โดยการนำสายยางที่ต่อจากถังน้ำมาต่อเข้ากับท่อทางเข้าด้านล่างของปั๊มฉีดน้ำแรงดันสูงและเปิดเครื่องเพื่อให้เครื่องปั๊มน้ำแรงดันสูงทำงาน
6.ทำการต่อสายฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ากับท่อทางออกของปั๊มน้ำแรงดันสูงซึ่งอยู่ด้านบนของท่อทางน้ำเข้าโดยการหมุนเกลียวข้อต่อเข้าไปให้แน่นตึงมือ
7.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงไปฉีดล้างที่ชุดแผงคอล์ยเย็น โดยการปรับที่ปลายกระบอกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงให้มีลักษณะน้ำที่กระจายออกมา แล้วฉีดล้างทำความสะอาดที่แผงคอล์ยเย็นให้ทั่วจนสะอาด
8.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างที่ใบพัดลมโพรงกระรอกให้ทั่วและสะอาด ระวังอย่าให้น้ำถูกมอเตอร์พัดลม แนะนำให้หาแผ่นฟิลม์ยืดหรืออุปกรณ์ที่ที่สามารถป้องกันน้ำได้มาปิดคลุมก่อน
9.เมื่อฉีดล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วให้ประกอบชิ้นส่วนต่างๆกลับเข้าตำแหน่งเดิม
10.นำปืนฉีดน้ำแรงดันสูงออกไปฉีดล้างทำความสะอาดที่แผงคอล์ยร้อนด้านนอกให้สะอาด โดยการฉีดทะแยงลงเพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นถูกชุดระบบไฟฟ้าโดยตรง
11.เมื่อดำเนินการฉีดล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยและทำการเปิดเมนควบคุมระบไฟฟ้าขึ้น จากนั้นเปิดสวิทซ์คอนโทรลแอร์ที่ตัวเครื่องเพื่อให้แอร์ทำงาน
วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561
วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินแก้ไขอาการไฟคอนโทรลกระพริบง่ายๆได้ด้วยตัวเอง
วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฉุกเฉินแก้ไขอาการไฟคอนโทรลกระพริบ สาเหตุมาจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
1.ปลดปลั๊กไฟฟ้าที่ต่อเข้าไฟฉุกเฉินออก
2.ยกไฟฉุกเฉินเอียงเข้ามาตัวเล็กน้อย จากนั้นดึงออกมาจากตำแหน่งที่ติดตั้ง
3.ใช้ไขควงแฉกตลายสกรูเกลียวปล่อยที่ด้านล่างของเครื่องออกจำนวน 2 ตัว โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมา
4.จับตัวฝาปิดด้านล่างจากนั้นค่อยขยับและยกขึ้นให้ฝาปิดหลุดจากล็อก จากนั้นดึงฝาปิดด้านหน้าออกมาจะมองเห็นแบตเตอรี่และชุดคอนโทรล
5.ที่ตัวแบตเตอรี่จะเห็นมีตัวล็อกป้องกันแบตเตอรี่เคลื่อนที่อยู่ ให้ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกอยู่ 2 ตัวออก จากนั้นถอดตัวล็อกออกมา
6.ยกแบตเตอรี่ออกมาด้านนอกและใช้มือดึงสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ออก โดยหลักการจำ ดังนี้ ขั้วสายแบตเตอรี่สีแดงจะเป็นขั้วบวก ,ขั้วแบตเตอรี่สายสีดำจะเป็นขั้วลบ
7.จากนั้นนำแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่มีขนาดและแรงดันไฟฟ้า ,กระแสไฟฟ้าเท่ากันใส่ลงไปยังตำแหน่งเดิม
8.นำสายไฟฟ้าที่ถอดออกใส่กลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม ดังนี้ สายไฟเส้นสีแดงต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ขั้วสีแดง (ขั้วบวก +) ,สายไฟเส้นสีดำต่อเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ขั้วสีดำ (ขั้วลบ -)
9. จากนั้นนำตัวล็อกแบตเตอรี่เคลื่อนที่มาใส่กลับเข้ายังตำแหน่งเดิม และใช้ไขควงแฉกหมุนสกรูเกลียวปล่อยล็อกให้แน่น โดนการหมุนตามเข็มนาฬิกา
10.นำฝาครอบด้านหน้ามาปิดเข้ายังตำแหน่งเดิมโดยการใส่ฝาปิดด้านหน้าให้ตรงล็อก จากนั้นใช้ไขควงแฉกขั้นสกรูเกลียวปล่อยล็อกที่ด้านล่างของเครื่องให้แน่น โดยการขันตามเข็มนาฬิกา
11.นำเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินไปทดสอบโดยการนำปลั๊กไฟไปเสียบเข้ากับเต้ารับไฟฟ้า และทำการทดลองเครื่องโดยการกดปุ่ม Test ว่าไฟติดหรือไม่ จากนั้นกดที่ปุ่ม Set เพื่อตั้งเวลาให้ระบบคอนโทรลทำการคลายประจุแบตเตอรี่อัติโนมัติ โดยการตั้งไว้ที่ 180 วัน
12. นำเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินกลับไปติดตั้งไว้ยังตำแหน่งเดิมและต่อปลั๊กไฟฟ้าเข้าระบบเหมือนเดิม.
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561
วิธีการเปลี่ยนก็อกน้ำตู้ทำน้ำเย็นชนิดยกถังน้ำ 20 ลิตรเทเติมด้านบน
วิธีการเปลี่ยนก็อกน้ำตู้ทำน้ำเย็นชนิดยกถังน้ำ 20 ลิตรเติมด้านบน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าก็อกปิด-เปิดน้ำด้านน้ำร้อนมีการรั่ว ดังนี้
1.ยกถังน้ำขนาด 20 ลิตร ลงมาวางข้างล่าง
2.ถอดปลั๊กไฟฟ้าออกจากเต้ารับไฟฟ้า
3.ถกดถ่ายน้ำออกจากถังรองรับน้ำที่ตัวตู้น้ำร้อน - น้ำเย็น ออกให้หมด
4.ใช้ไขควงแฉกทำการขันคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ด้านหลังออกจำนวน 2 ตัว
5.ทำการถอดฝาครอบด้านบนออก โดยการยกฝาครอบด้านหลังขึ้นค่อยๆขยับไปมา ให้ฝาครอบหลุดออกจากล็อก
6.ใช้มือสอดเข้าไปที่ด้านในเพื่อจับสายยางที่ต่อเข้ากับก็อกน้ำและดึงสายยางออก
7.ใช้ประแจเลื่อนคลายเกลียวล็อกก็อกน้ำที่ด้านในออกโดยการใช้ประแจเลื่อนคลายเกลียวทวนเข็มนาฬิกา
8.นำก็อกน้ำที่ชำรุดถอดออก จากนั้นนำก็อกน้ำชุดใหม่ใส่กลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม
9.ใส่ชุดเกลียวล็อกก็อกน้ำเข้าไปแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาให้แน่นตึงมือ โดยการใช้ประแจเลื่อนช่วยขันล็อกเกลียวให้แน่น
10.นำสายยางที่ออกจากถังน้ำต่อเข้ากับปลายของก็อกน้ำให้แน่น
11.ใช้สายรัดเคเิ้ลไทร์รัดบริเวณรอยต่อท่อน้ำให้แน่นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำ
12.จากนั้นนำฝาครอบด้านบนมาประกอบเข้าให้เหมือนเดิม โดยการใส่ให้ตรงล็อกของฝาครอบด้านบน
13.ใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อย จำนวน 2 ตัว ที่ด้านหลังให้แน่น โดนการขันตามเข็มนาฬิกา
วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER อาการแอร์ตัด แรงดันสูง Hi pressure คอนเดนซิ่งระ...
วิธีตรวจซ่อมแอร์ CARRIER อาการแอร์ตัดแรงดันสูง หรือที่เรียกกันว่าตัด HI
อาการนี้ คือ เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานไปสักพักก็จะตัดการทำงานเอง และก็จะวนเป็นอย่างนี้อยู่ตลอด สาเหตุมาจากชุดแผงระบายความร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ทำให้ชุด HI sensor ที่ติดตั้งไว้ได้เปิดระบบป้องกันขึ้นจึงทำให้แอร์ตัดการทำงาน (อุปกรณ์นี้ติดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคอมเพรสเซอร์) และจากการตรวจสอบพบว่าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสียไป 1 ตัว ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน
วิธีการเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อน
1.ปิดระบบเมนไฟฟ้าแอร์ให้เรียบร้อย
2.ทำการถอดฝาครอบชุดใบพัดลมระบายความร้อนที่เสียออก
3.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูที่น็อตล็อกฝาปิดโครงแอร์ด้านบนออก และยกฝาปิดด้านบนลงมา
4.ใช้คีมตัดสายไฟฟ้าชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่เสียออก และจดจำตำแหน่งการต่อสายไฟฟ้าให้ดี
5.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูน็อตล็อกชุดแค๊ปรัน Run Capacitor และถอดชุดแค๊ปรันมอเตอร์ที่เสียออก
6.ใช้ไขควงแฉกด้ามยาวคลายสกรูเกลียวปล่อยที่ล็อกน็อตพัดลมระบายความร้อนทั้ง 4 ตัวออก จากนั้นยกมอเตอร์พัดลมตัวที่เสียลงมา
7.ใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมคลายน็อตสกรูหัวจมออก โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาจากนั้นให้ดึงใบพัดลมออกมา
8.นำชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนตัวใหม่ ไปยึดติดตั้งที่โครงยึดมอเตอร์พัดลมแล้วใช้สกรูเกลี่ยวปล่อยขันล็อกให้แน่น โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกาให้ครบทั้ง 4 ตัว
9.สอดสายไฟฟ้าที่ออกจากตัวมอเตอร์เข้าไปตามตำแหน่งเดิมที่ยึดสายไฟไว้ จากนั้นใช้เคเบิ้ลไทร์รัดสายไฟให้แน่น ส่วนปลายเคเบิ้ลไทร์ที่ยาวออกมาให้ใช้คีมตัดให้เรียบร้อน เพื่อป้องกันการเข้าไปกีดขวางการหมุนของใบพัดลม
10.ทำการต่อระบบสายไฟฟ้ามอเตอร์พัดลมระบายความร้อน ดังนี้
- นำสายไฟฟ้าสายสีดำที่ออกจากมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่มีไฟที่ออกจากแม็กเนติกสายสีดำ
- นำสายไฟฟ้าเส้นสีขาวที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน หรือ สาย N) เส้นสีขาว
- นำสายไฟฟ้าสายสีน้ำตาลที่ออกจากตัวมอเตอร์ต่อเข้ากับชุดแค๊ปรัน Run Capacitor 1 ด้าน และด้านที่เหลือของชุดแค๊ปรันให้ต่อสายไฟฟ้าเข้ากับสายไฟฟ้าเส้นที่ไม่มีไฟ (สายนิวตรอน หรือ สาย N)
ที่ออกมาจากแม็กเนติกสายไฟเส้นสีขาว
11.ทำการประกอบฝาปิดด้านบนใช้เรียบร้อนและใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยล็อกฝาให้แน่นทุกจุด โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา
12.นำใบพัดลมใส่เข้าไปในแกนมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่ โดยการใส่ใบพัดลมต้องสังเกตุให้ด้านที่มีน็อตล็อกตรงกับแกนมอเตอร์พัดลมที่มีผิวเรียบ จากนั้นใช้ประแจ L หัวหกเหลี่ยมหมุนล็อกให้แน่น โดยการหมุนตามเข็มนาฬิกา จากนั้นใช้มือลองหมุนใบพัดลมดูว่าติดขัดหรือไม่
13.ทำการใส่ฝาปิดใบพัดลมให้เรียบร้อยโดยการใช้ไขควงแฉกขันสกรูเกลียวปล่อยตามเข็มนาฬิกาให้แน่น
14. ทดสอบการทำงานโดยการเปิดเมนระบบไฟฟ้าแอร์ จากนั้นเปิดรีโมทแอร์ให้เครื่องปรับอากาศทำงาน จากนั้นออกมาด้านนอกสังเกตุที่ชุดคอนเดนซิ่ง (แผงระบายความร้อนด้านนอก) รอการหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที ชุดมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกจะทำงาน เมื่อมอเตอร์พัดลมระบายความร้อนด้านนอกทำงานแล้วสังเกตุดูว่าเครื่องทำงานปกติกหรือไม่ หากเครื่องทำงานปกติก็ถือว่าแก้ไขจบงาน
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วิธีเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON
วิธีการเปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องรถยนต์ ISUZU DRAGON
ขั้นตอนแรกเราต้องจัดเตรียมอุปกรณืให้พร้อมก่อน ดดยมีเครื่องมือที่ต้องใช้งาน ดังนี้
1.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12
2.ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14
3.ประแจบล็อก เบอรื 12 และ เบอร์ 14 (ไว้ใช้งานกรณีที่ประแจแหวนหรือปากตายเข้าทำงานไม่ได้
4.ไขควงตอกด้ามใหญ่ หรือเหล้กไว้ช่วยดันเพื่อช่วยผ่อนแรง
วิธีการเริ่ม ดังนี้
1.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านในออก 1 ตัว ผจะเป็นน็อตล็อก เบอร์ 12)
2.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกขายึดตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านนอก จะมีน็อตเบอร์ 14 ล็อกอยู่ จำนวน 2 ตัว ให้คลายน็อตล็อกออกโดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
3.ใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 14 คลายน็อตล็อกตัวตั้งความตึงสายพานออก โดยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมาเรื่อยประมาณ 1-2 นิ้ว
4.เมื่อคลายน็อกทั้งหมดออกแล้วให้ใช้ไขควงตัวใหญ่ หรือใช้เหล็กงัดสอดเข้าไปภายในช่องของตัวตึงสายพาน จากนั้นออกแรงดันไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปมา เพื่อให้ชุดตัวตึงสายพานเคลื่อนที่ออกมา และจะทำให้สายพานที่ตึงอยู่หย่อนลงและสามารถปลดสายพานออกมาได้
5.ทำการปลดสายพานออกจากชุดพูเล่ตั้งสายพานและพู่ล่คลัชคอมแอร์ออก จากนั้นจับสายพานเข้าหาตัวและค่อยๆปลดสายพานออกโดยดันออกมาทางด้านห้นาพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง และค่อยๆสอดรอดใบพัดลมออกมา
6.นำสายพานเส้นใหม่ใส่กลับเข้าไปโดยการสอดผ่านเข้าในใบพัดลมระบายความร้อนหน้าเครื่อง จากนั้นนำไปคล้องในพูเล่ชุดคลัชคอมแอร์ และพู่เล่ตัวตั้งสายพาน
7.ใช้ประแจแหนวหรือปากตาย เบอร์ 14 ขันเข้าเพื่อดึงชุดสายพานให้ตึงขึ้น ดดยการขันน็อตตามเข็มนาฬิการ
8.เมื่อขันตึงสายพานเสร็จแล้วใช้มือกดสายพานดูว่ากดได้ตึงมือหรือไม่ สายพานที่ตึงเหมาะสมจะต้องสามารถกดลงได้ประมาณ 1/2 นิ้ว (ตึงพอดี)
9.จากนั้นใช้ประแจแหวนหรือปากตาม เบอร์ 14 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานให้แน่นทั้ง 2 ตัว และใช้ประแจแหวนหรือปากตาย เบอร์ 12 ขันล็อกน็อตตัวตั้งสายพานที่อยู่ด้านใน วึ่งมี 1 ตัวให้แน่น
10.ทำการตรวจสอบความเรียบร้อย จากนั้นสตาร์ทเครื่องรถยนต์และทดลองเดินเครื่องซักพักนึ่ง ตรวจสอบด้วยสายตาและฟังเสียงการทำงานของชุดสายพานมีความผิดปกติหรือไม่ หากมีความผิดปกติทำการแก้ไขและทดสอบใหม่อีกครั้ง หากไม่พบความผิดปกติถือว่าจบงาน.
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วิธีใช้คำสั่งปริ้นเอกสาร A4 ให้สามารถปริ้นเอกสารออกมาเป็นหน้า-หลังได้ ง่...
วิธีสั่งปริ้นเอกสารเอกสารด้วยโปรแกรม Word เพื่อปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง
การสั่งปริ้นเอกสารด้วยโปรแกรม Word ให้ออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาโปรแกรมที่ต้องการสั่งปริ้นท์ ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเอกสารที่อยู่ด้านหน้า Desktop
3.เลื่อนเมาส์ไปที่คำสั่ง File คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่ง Print
4.เลือกคำสั่ง Print เลื่อนเมาส์มาที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์และเลือกเครื่องปริ้นท์ ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาที่คำสั่งPrint one sided ที่คำสั่งดังกล่าว ด้านขวามือจะเห็นปุ่มสามเหลี่ยมหัวกลับเล็กๆ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมดังกล่าว จะขึ้นคำสั่งต่างๆมาให้เลือก
6.เลื่อนเมาส์มาที่คำสั่งปริ้นท์ Print on both sides และคลิ๊กเลือก
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ขึ้นไปที่คำสั่งปริ้นท์ Print (รูปเครื่องปริ้นท์) แล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์จากนั้นเครื่องปริ้นท์จะปริ้นทืเอกสารออกมา
วิธีปริ้นท์เอกสารหน้า-หลัง ด้วยโปรแกรม PDF สำหรับทำคู่มือ
การใช้คำสั่งปริ้นท์ด้วยโปรแกรม PDF ให้เอกสารออกมาทั้งด้านหน้า และด้านหลัง สามารถทำได้ง่ายๆด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.เปิดโปรมแกรม Window ขึ้นมา
2.เปิดหาเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์ ซึ่งในตัวอย่างนี้เอกสารจะอยู่ใน Drive : D ให้เลือกคำสั่ง My computer หรือ This PC หรือ File Exploer ในตัวอย่างจะสาธิต ดังนี้
3.เลือกคำสั่ง File Exploer แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดง Folder ต่างๆขึ้นมา
4.เลื่อนเมาส์ไปที่ Folder ที่ต้องการแล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิด Folder ออกมา
5.จากนั้นเลื่อนเมาส์หาตำแหน่งที่อยู่เอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์ แล้วใช้คำสั่งดับเบิ้ลคลิ๊กเพื่อเปิดเอกสารขึ้นมา
6.เมื่อเปิดเอกสารที่ต้องการสั่งปริ้นท์ขึ้นมาได้แล้ว ให้เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่ง File แล้วคลิ๊กเลือก 1 ครั้ง
7.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงเลือกที่คำสั่งปริ้นท์ Print (รูปเครื่องปริ้น) คลิ๊กเลือก 1 ครั้ง จะแสดงหน้าต่างคำสั่งปริ้นท์ขึ้นมา
8.เลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่งเครื่องปริ้นท์ แล้วคลิ๊ก 1 ครั้ง เพื่อเลือกเครื่องปริ้นท์ที่ต้องการ ซึ่งในตัวอย่างเลือกเครื่องปริ้นท์ SHARP MX-2314N-WSD
9.จากนั้นเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่างเลือกที่คำสั่ง Print on both sides of paper
10.ใช้เมาส์ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ด้านหน้าคำสั่ง Print on both sides of paper (กรณีต้องการปริ้นเอกสารแนวตั้งใช้เมาส์ติ๊กเลือกคำสั่ง Flip on long edge
11.เลื่อนเมาส์ลงมาที่หน้าต่างด้านล่างแล้วคลิ๊กที่คำสั่งปริ้นท์ Print จากนั้นโปรแกรมจะเริ่มทำงานแล้วเอกสารที่ต้องการก็จะออกมาจากเครื่องปริ้นท์
วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆด้วยตนเอง (น้ำยาแอร์ซึมยังมีในระบบบ้างไม่ต้อง...
วิธีเติมน้ำยาแอร์เพิ่มง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง ในคลิปนี้จะเป็นการเติมน้ำยาแอร์ R22 ด้วยขั้นตอนดังนี้
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเติมน้ำยาแอร์ ไม่แว๊กคั่มสุญญากาศเหรอ จะใช้งานได้เหรอ ในกรณีนี้เราได้ทำการตรวจเช็คแล้วพบว่ามีการรั่วซึมออกจากระบบยังไม่หมด ซึ่งจากการตรวจเช็คด้วยเกจวัดแรงดันน้ำยา ยังคงมีน้ำยาแอร์เหลืออยู่ในระบบ 20 psi ประกอบกับการหาตำแหน่งการรั่วซึมไม่เจอซึ่งได้แจ้งเจ้าของงานแล้วว่าไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมเนื่องจากแอร์มีสภาพค่นข้างเก่ามาก จึงใช้วิธีการเติมน้ำยาแอร์เพิ่ม ดังนี้
1.ปิดเกจวัดแรงดันน้ำยาทั้งสองด้านให้เรียบร้อย
2.ต่อสายเกจวัดน้ำยาด้านแรงดันต่ำเข้าที่ท่อทางด้านแรงดันต่ำของชุดคอล์ยร้อน
3.ต่อสายสีเหลืองเข้ากับถังบรรจุน้ำยา R22
4. เปิดวาวล์ถังน้ำยา R22 ออก เพื่อจากน้ำยาเข้าในเกจวัดแรงดัน
5.คลายข้อต่อสายเกจวัดแรงดันด้านแรงดันต่ำออกเล็กน้อยเพื่อเป็นการไล่อากาศออกจากในสาย
6.ขันข้อต่อสายเกจวัดแรงดันที่คลายออกกลับคืนให้แน่น ไม่มีการรั่วไหลของน้ำยา
7.เปิดวาวล์เกจวัดแรงดันน้ำยาด้านแรงดันต่ำออก เพื่อปล่อยน้ำยาเข้าสู่ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
8.สังเกตุแรงดันน้ำยาที่เข้าระบบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ น้ำยาที่อยู่ในเกณฑ์ระบบเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่ 60-75 psi
9.เมื่อน้ำยาเต็มระบบแล้วจากนั้นปิดวาวล์เกจวัดแรงดันให้สนิท จากนั้นถอดสายเกจวัดแรงดันออกจากตัวคอล์ยร้อน
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วิธีตรวจซ่อมแอร์ซิงเกอร์ SINGER อาการคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
วันนี้ได้มีโอกาศไปตรวจซ่อมแอร์ให้ลูกค้าท่านหนึ่งมีอาการไม่เย็น จากการตรวจสอบเบื้องต้นตามขั้นตอน ดังนี้
1.ต่อสายเกจวัดแรงดันน้ำยาภายในระบบว่ามีหรือไม่ โดยการนำสายเกจด้านแรงดันต่ำต่อเข้ากับท่อน้ำยาด้านแรงดันต่ำ
2.เปิดสวิทซ์ให้ระบบแอร์ทำงานแล้วตรวจเช็คแรงดันน้ำยา จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อเครื่องเริ่มทำงานแล้วแต่แรงดันเกจไม่ขึ้น แสดงว่าชุดคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
3.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า จากนั้นใช้ไขควงถอดฝาครอบเครื่องชุดคอล์ยร้อนออก ทำการไล่ระบบสายไฟฟ้าพบว่าชุดสายไฟฟ้าที่ต่อออกจากแม็กเนติกมาเข้าชุดแค๊ปรันละลายและขาดไป 1 เส้น
4. สาเหตุมาจากขั้นต่อไฟฟ้าหลวมทำให้กระแสไฟฟ้าเดินไม่สะดวกทำให้ขาดวงจรในที่สุด
5. ทำการถอดขั้วสายไฟฟ้าที่ขาดออกจากชุดแม็กเนติกและขั้วแค๊ปรันออก
6.นำสายไฟฟ้าขนาด VCT ขนาด 1.5 - 2.5 SQ.MM มาย้ำหางปลาใหม่ทั้ง 2 ด้าน
7.จากนั้นนำสายไฟฟ้าที่ตัดต่อใหม่มาเสียบเข้าที่ชุดขั้วต่อสายของแม็กเนติก จากนั้นนำปลายสายอีกด้านหนึ่งไปต่อเข้ากัยขั้วต่อสายที่ตัวแค๊ปรัน
8.ตรวจเช็คจุดต่อสายไฟฟ้าอื่นๆว่าแน่นหรือไม่ ตรวจสอบชุดหางปลาสายไฟฟ้าต่างๆอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ หากพบตัวที่ชำรุดให้ตัดสายไฟและย้ำหางปลาใหม่
9. เมื่อต่อสายไฟฟ้าเสร็จแล้วทำการติดตั้งกลับเข้าตำแหน่งเดิม
10.ทำการประกอบฝาครอบชุดคอล์ยร้อนและขันน็อตทุกจุดให้แน่น
11.จากนั้นเปิดระบเมนไฟฟ้าและเปิดสวิทซ์ให้แอร์ทำงาน ชุดพัดลมคอล์ยเย็นต้องทำงานทันที
12. ชุดตัวคอล์ยร้อนต้องรอหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที
13. เมื่อชุดคอล์ยร้อนเริ่มทำงานให้สังเกตุที่เกจวัดแรงดันน้ำยาเข็มจะตีกลับเพื่อแสดงปริมาณแรงดันน้ำยาในระบบ
14. จากการตรวจสอบแรงดันน้ำยาในระบแสดงที่ 73 psi แสดงว่าระบแรงดันน้ำยาในระบบปกติ
15.เมื่อชุดคอมเพรสเซอร์ทำงานแล้ว ตรวจสอบแรงดันน้ำยาเสร็จแล้วเข้าไปตรวจสอบภายในห้องที่ชุดคอล์ยเย็นทำงานอยู่ว่าอุณหภูมิภายในห้องเย็นหรือไม่
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วิธีแก้ไขแอร์มิตซูบิชิสลิม ไฟโอเปอร์เรชั่นกระพริบ 3 ครั้ง มอเตอร์ DC ตัว...
วิธีการแก้ไขแอร์ Wall type Mitsubishi Slim อาการมีไฟกระพริบที่ปุ่มแสดงไฟ Operation จากการตรวจสอบสามารถจับสัญญาณการแจ้งเตือนได้ดังนี้ ไฟสัญญาณจะกระพริบต่อเนื่อง จำนวน 3 ครั้ง และจะหยุดประมาณ 2 วินาที จากนั้นก็จะกระพริบอีก 3 ครั้ง แล้วหยุดอีก 2 วินาที วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จากการตรวจสอบลักษณะการกระพริบของสัญญาณจากทางคู่มือตรวจสอบเครื่อง ERROR CODE ทำให้ทราบว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นการแจ้งเตือนว่ามอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นมีปัญหา จึงทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า จากนั้นถอดชุดคอนโทรลระบบไฟฟ้าที่อยู่ด้านขวาออก จะมองเห็นชุดฝาครอบมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นทำการใช้ไขควงแฉกถอดสกรูออกประมาณ 2-3 ตัว จากนั้นคลายน็อตที่ล็อกแกนใบพัดลมออก ค่อยๆขยับไปมาและดึงออกมาทางด้านขวา จะทำให้ชุดมอเตอร์หลุดออกมา จากนั้นนำมาถอดกิ๊ปล็อกฝาครอบมอเตอร์ออก นำมอเตอร์ลูกเก่าที่เสียถอดออก จากนั้นนำมอเตอร์ลูกใหม่ใส่กลับเข้าไป ทำการประกอบฝาครอบมอเตอร์และจัดสายไฟฟ้าให้เรียบร้อย จากนั้นนำขึ้นติดตั้งที่เดิมโดยการนำแกนพัดลมใส่ในใบพัดลมและดันชุดฝาครอบพัดลมให้ลงล็อก จากนั้นขันสกรูล็อกที่ฝาครอบพัดลม และใช้ไขควงแฉกขันล็อกใบพัดลมให้แน่น จากนั้นนำกล่องคอนโทรลมาประกอบต่อจากฝาครอบพัดลมแล้วต่อระบบสายไฟฟ้าเข้าซ็อกเก็ตให้แน่น ทำการตรวจสอบเซฯเซอร์ทุกจุดว่ามีการใส่ครบถูกต้องทุกจุดแล้ว ทำการประกอบฝาครอบคอล์ยเย็นกลับเข้าไปล็อกน็อตให้แน่น จากนั้นทดลองเปิดระบบไฟฟ้าและทดลองเครื่อง เครื่องสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561
วิธีแก้ไขแอร์รถยนต์ JAZZ อาการเย็นสู้แดดไมได้ เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
วันนี้มีงานแก้ไขระบบแอร์รถยนต์แจ๊สอาการแอร์ไม่เย็น เย็นไม่ฉ่ำ เวลารถจอดหรือติดไฟแดงแอร์ไม่เย็น แอร์ทำความเย็นไม่ได้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระบบน้ำยาแอร์ 134a พร่องไปและพบว่าที่บริเวณชุดแผงระบายความร้อนบริเวณด้านด้านอุดตัน และพบว่าพัดลมชุดระบายความร้อนด้านหน้าจากเดิมมี 2 ตัว ทำงานได้เพียงตัวเดียว เมื่อทำการตรวจจนแน่ใจแล้วว่าทั้งหมดคือสาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์แจ๊สคันนี้ไม่เย็น เย็นน้อย เย็นไม่ฉ่ำ เย็นสู้แดดไม่ได้ก็ได้ข้อสรุปว่าต้องดำเนินการแก้ไขอะไรบ้าง ดังนี้
1.ถอดตู้คอล์ยเย็นบริเวณคอนโซนด้านหน้าออกมาล้างทำความสะอาด
2.เปลี่ยนซีนโอริงบริเวณจุดต่อสายทางด้านแรงดันสูง และแรงดันต่ำ
3.เติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เพิ่มเติมเล็กน้อย
4.ถอดชุดโบว์เวอร์พัดลมใต้คอนโซนด้านหน้าออกมาล้างทำความสะอาด
5.ล้างแผงระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถยนต์ให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างคอล์ย
6.เปลี่ยนพัดลมช่วยระบายความร้อน 1 ตัว ทดแทนของเดิมที่เสียไป
จากนั้นก็เริ่มลงมือแก้ไขทันทีโดยเริ่มจากการปล่อยน้ำยาออกจากระบบให้หมดก่อน เมื่อปล่อยน้ำยาออกไปหมดแล้ว ก็ใช้ประแจเลื่อน 2 ตัวทำการคลายข้อต่อของสายน้ำยาออก แล้วเริ่มรื้อชุดคอนโซนหน้าออกที่ละชิ้นๆ จนมองเห็นชุดคอล์ยเย็น จากนั้นก็ดึงชุดคอล์ยเย็นออกมาทำการถอดฝาครอบคอล์ยเย็นออก เพื่อนำชุดคอล์ยเย็นออกไปล้างทำความสะอาดโดยใช้วิธีฉีดน้ำแรงดันสูง ล้างทำความสะอาดจากนั้นฉีดน้ำยาล้างคอล์ยและใช้น้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาดคอล์ยเย็นอีกครั้งให้สะอาด เพื่อให้สามารถระบายความเย็นได้ดีขึ้น จากนั้นเริ่มถอดชุดโบว์เวอร์พัดลมเป่าความเย็นออกมาล้างทำความสะอาดที่บริเวณใบพัดลม จากนั้นทำการคอดชุดกระจังหน้าและสปอยเลอรืด้านหน้าออกให้หมด ใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูงฉีดปรับปลายกระบอกปืนฉีดน้ำให้ฉีดออกมาเป็นฝอยกระจาย จากนั้นฉีดไปที่บริเวณแผงระบายความร้อนด้านหน้าสัก 2 รอบ เมื่อฉีดน้ำล้างเบื้องต้นเสร็จแล้วจึงน้ำน้ำยาล้างทำความสะอาดคอล์ยร้อนฉีดลงบนแผงระบายความร้อน ทิ้งไว้สักประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้น้ำยาล้างเริ่มทำความสะอาดโดยการกัดคราบสกปรกออกมา โดยสังเกตุจากบริเวณแผงระบายความร้อนจะเริ่มมีฟองผุดออกมาพร้อมคราบสกปรก เมื่อทิ้งไว้ครบตามเวลาที่กำหนดแล้วใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างเพื่อทำความสะอาด จากนั้นฉีดน้ำยาล้างคอล์ยเข้าไปอีกครั้งแล้วล้างออกให้สะอาด เมื่อดำเนินการเสร็จทุกขั้นตอนแล้วก็ประกอบชิ้นส่วนกลับ จากนั้นเปลี่ยนซีนโอริงบริเวณข้อต่อสายทั้ง 2 เส้น เมื่อเปลี่ยนโอริงเสร็จแล้วใช้ประแจเลื่อนขันล็อกเกลียวให้แน่น จากนั้นต่อสายเกจวัดแรงดันเข้าท่อน้ำยาทั้ง 2 เส้น โดยการต่อสายเกจด้านแรงดันต่ำเข้าท่อทางดูด (ท่อเย็น) และต่อสายเกจด้านแรงดันสูงเข้าทางด้านอัด (ท่อร้อน) และต่อสายเกจสีเหลืองเข้าที่เครื่องปั๊มสุญญากาศ จากนั้นเปิดเครื่องปั๊มสุญญากาศให้ทำงาน และเปิดวาวล์เกจทั้งสองด้านออกเพื่อให้เครื่องปั๊มสุญญากาศดูดเอาอากาศภายในระบบออกมาให้หมด โดยสังเกตที่ชุดเกจวัดแรงดันน้ำยาด้านแรงดันต่ำเข็มวัดต้องตกลงมาอยู่ที่ 0 หรือต่ำกว่า จากนั้นทดลองปิดวาวล์เกจทั้ง 2 ด้านทิ้งไปประมาณ 30 นาที สังเกตดูที่เข็มเกจด้านแรงดันต่ำต้องอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เลื่อนขึ้นมา หากเข็มเกจเลื่อนขึ้นมาแสดงว่าระบบมีการรั่วต้องทำการตรวจสอบและแก้ไขใหม่ จากนั้นทำการแว๊กระบบใหม่อีกครั้ง เมื่อทำการแว๊กระบบเสร็จแล้วไม่พบการรั่วให้ทำการเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เพิ่มเข้าไปตามปริมาณที่สูญเสีย โดยการเทน้ำมันใส่กระบอกตวงตามปริมาณที่ต้องการ จากนั้นนำสายเกจวัดแรงดันสีเหลืองจุ่มลงไปในกระบอกที่มีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ จากนั้นเปิดวาวล์เกจวัดแรงดันด้านต่ำออกเพื่อให้ดูดน้ำมันคอมเพรสเซอร์เข้าไปในระบบ เมื่อเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เข้าไปแล้ว ให้ทำการแว๊กสุญญากาศใหม่อีกครั้ง ตามขั้นตอนข้างต้น จากนั้นจึงนำสายเกจสีเหลืองมาต่อเข้ากับถังน้ำยาแอร์ R134a เปิดวาวล์ถังน้ำยาออก จากนั้นทำการไล่อากาศภายในสายน้ำยาออกให้หมด โดยการคลายข้อต่อสายสีเหลืองบริเวณด้านใต้เกจวัดแรงดันออกเล็กน้อยเพื่อไล่อากาศออก โดยสังเกตจากเมื่อคลายสายสีเหลืองออกจะมีแรงดันน้ำยาพุ่งออกมาจากนั้นหมุนสายเกจเข้าให้แน่นเหมือนเดิม จากนั้นเปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำเพื่อให้น้ำยาแอร์ไหลเข้าไปในระบบ ฟังเสียงน้ำยาไหลเข้าไปจนเสียงฟี๊ดเงียบไป ปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำ แล้วไปสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ทำงานจากนั้นเปิดระบบแอร์ให้ทำงานโดยปรับเทอร์โมสตัทไปที่ตำแหน่งเย็นสุด และปรับสปีดพัดลมไปที่ตำแหน่งแรงสุด จากนั้นออกมาดูที่เกจวัดแรงดันน้ำยาว่ามีปริมาณน้ำยาอยู่เท่าไหร่ หากน้ำยาน้อยให้เติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับ 30 psi ทางด้านแรงดันต่ำ ,และแรงดันทางด้านสูงไม่เกิน 200 psi.
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2561
วิธีการซ่อมรั่วแอร์มิตชูบิชิ Heavy Duty คอล์ยเย็นรั่วแบบละเอียดทุกขั้นตอน
วิธีซ่อมแอร์มิตซูบิชิ Heavy Duty อาการคอล์ยเย็นรั่ว จากตอนแรกน้องที่ทำแอร์ด้วยกันได้เคยไปเติมน้ำยาแอร์ให้แล้ว 1 ครั้ง แต่ผ่านไปไม่ถึง 3 วันแอร์รั่วอีกแล้ว วันนี้จึงได้เข้าไปช่วยตรวจเช็คและทำการแก้ไข โดยได้ดำเนินการ ดังนี้
1.ต่อเกจวัดระดับน้ำยาแอร์ว่ามีเหลืออยู่ในระบหรือไม่
2.หากมีน้ำยาแอร์หลงเหลืออยู่ในระบบให้ดูดน้ำยาแอร์กลับเพื่อเก็บในคอมเพรสเซอร์ หากเหลือไม่มากทำการปล่อยน้ำยาออกจากระบบให้หมด
3.ทำการปิดเบรคเกอร์และตัดระบไฟฟ้าออกจากวงจร
3.ถอดฝาครอบชุดแผงคอลืยเย็นออก
4.เริ่มถอดฝาครอบคอล์ยเย็นออก ที่ฝั่งทางด้านซ้ายคลายสกรูเพื่อเปิดฝาครอบท่อทองแดงออกพบคราวน้ำมัน แสดงว่าบริเวณนี้รั่วจึงทำให้แอร์ไม่เย็น
5.ถอดสายไฟระบบจากเบรคเกอร์ที่เข้ามายังชุดคอลโทรลคอล์ยเย็นออก
6.คลายข้อต่อท่อทองแดงบริเวณจุดต่อท่อน้ำทิ้งออก ทั้ง 2 ท่อ จากนั้นให้ยกตัวคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อยและดึงออกเข้าหาตัว
7.เมื่อถอดตัวคอล์ยเย็นออกมาแล้วให้ยกลงมาด้านล่างทำการถอดชิ้นส่วนต่างๆออกให้หมด เริ่มตั้งแต่ถอดระบบกล่องคอลโทรลไฟฟ้าออก ,ถอดชุดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก ,ถอดสายเซนเซอร์ต่างๆจากตัวแผงคอล์ยเย็นออก ,จากนั้นยกแผงคอล์ยเย็นออกจากโครงยึด
8.นำแผงคอล์ยเย็นมาตรวจสอบ ดังนี้
8.1 นำข้อต่อสำหรับทดสอบรั่ว มาต่อที่ปลายท่อทองแดงทั้ง 2 ท่อ โดยปลายด้านท่อใหญ่ให้ปิดมิดชิด
ส่วนอีกปลายด้านหนึ่ง (ท่อเล็ก) ให้เชื่อมต่อข้อต่อที่สามารถต่อสายเกจวัดแรงดันเข้าไปได้
8.2 จากนั้นนำสายเกจสีเหลืองต่อกับกับชุดเรคกลูเรเตอร์จากถังไนโตรเจน (ยังไม่ต้องเปิดวาวล์)
8.3 ทำการปรับเรคกลูเรเตอร์ (อุปกรณ์วัดแรงดันจากถังไนโตรเจน) ให้อยู่ในตำแหน่งแรงดัน 0-100 psi.โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาออก เพื่อป้องกันแรงดันจากเรคกลุเรเตอร์มากเกินไป
8.4 นำสายที่ต่อสายเกจวัดแรงดันด้านไฮ (เกจสีแดง) ต่อเข้ากับปลายท่อทองแดงด้านที่ใส่สายเกจวัดแรงดันได้และล็อกให้แน่น
8.5 เปิดฝาปิดถังแรงดันไนโตรเจนออกเล็กน้อย จากนั้นสังเกจเข็มวัดแรงดันจะมี 2 ตัว ตัวแรกจะใช้วัดแรงดันก๊าซไนโตรเจนที่มีทั้งหมดในถัง เข็มเกจจะขึ้นทันทีที่เปิดวาวล์ , ตัวที่ 2 จะใช้วัดแรงดันเมื่อมีการปรับเรคกลูเรเตอร์เข้า - ออก เพื่อให้ได้แรงดันตามที่กำหนด
8.6 นำสายเกจด้านไฮมาต่อที่สายทางออกของชุดเรคกลูเรเตอร์ (ชุดปรับแรงดัน) จากนั้นเปิดวาวล์จากเกจแรงดันด้านไฮเพื่อให้ไนโตรเจนวิ่งเข้าไปในชุดคอล์ยเย็นที่เราต้องการทดสอบรั่ว สังเกตุแรงดันที่เกจของชุดเรกกลูเรเตอร์ว่าอยู่เท่าไหร่ ปกติจะเริ่มทดสอบที่ 100 psi , 150 psi , 200 psi และสูงสุดอยู่ที่ 250 psi ตามลำดับ
8.7 นำชุดคอล์ยเย็นที่อัดไนโตรเจนเข้าไปแล้ว นำไปจุ่มน้ำทิ้งไวสังเกตุดูว่ามีฟองเกิดขึ้นหรือไม่
8.8 เมื่อพบตำแหน่งที่ฟองเกิดขึ้นแล้วให้จดจำตำแหน่งให้ดี จากนั้นนำชุดคอล์ยเย็นขึ้นจากน้ำปล่อยก๊าซไนโตรเจนออก และทำการเชื่อมอุดรอยรั่วบริเวณดังกล่าว
8.9 เมื่อเชื่อมเสร็จแล้วทำให้ท่อเย็นลง จากนั้นต่อสายเกจด้านไฮกลับเข้าไปอีกครั้ง ทำการอัดไนโตรเจนเข้าไปใหม่อีกครั้งตามแรงดันที่ต้องการ จากนั้นนำชุดคอล์ยเย็นลงไปแช่น้ำอีกครั้งแล้วสังเกตุดูว่าฟองอากาศยังมีอยู่หรือไม่ หาดยังพบฟองอากาศอยู่ให้ทำตามขั้นตอนข้างต้นใหม่จนกว่าจะไม่เห็นฟองอากาศ ดดยอัดไนโตรเจนไว้ที่ 250 psi. ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หากแรงดันไม่ตกแสดงว่าไม่รั่ว
8.10 เมื่อทดสอบรั่วเสร็จแล้วทำการประกอบชิ้นส่วนต่างๆที่ถอดออกจากชุดคอล์ยเย็นกลับเข้าตำแหน่งเดิมให้ครบ
8.11 ยกชุดคอล์ยเย็นกลับเข้าไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมที่ผนัง ทำการต่อชุดระบบท่อน้ำยาทั้ง 2 ท่อให้แน่น ต่อท่อน้ำทิ้ง จากนั้นต่อระบบยไฟฟ้า
8.12 จากนั้นทำการทดสอบการรั่วภายในระบบ โดยการต่อสายเกจเส้นสีเหลืองเข้ากับเครื่องแว๊กสุญญากาศ และนำสายเกจด้านโล (แรงดันต่ำเกจสีน้ำเงิน) ต่อเข้ากับท่อทองแดงทางด้านแรงดันต่ำ จากนั้นเปิดเครื่องแว๊กสุญญากาศ ทำการแว๊กสุญญากาศประมาณ 30 นาที เข็มเกจด้านแรงดันต่ำต้องตกลงมาอยู่ที่ -30 นิ้วปรอท จากนั้นปิดวาวล์เกจให้แน่น ,ปิดเครื่องแว๊กสุญญากาศ และสังเกตุที่เข็มเกจว่ามีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือไม่ กรณีพบว่าเข็มเกจมีแรงดันเพิ่มขึ้นแสดงว่ายังมีการรั่วในระบบอยู่
8.13 เมื่อแว๊กสุญญากาศเสร็จแล้วให้ปิดเกจและทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หากเข็มเกจอยู่นิ่งกับที่แสดงว่าไม่มีรั่วซึม ทำการแว๊กสุญญากาศต่ออีก 30 นาที จากนั้นปิดเกจให้แน่นและถอดเครื่องแว๊กออก
8.14 นำสายเกจสีเหลืองมาต่อเข้ากับถังน้ำยาแอร์ และปลายสายทางด้านโล (แรงดันต่ำ) ต่อกับกับท่อทองแดงทางด้านแรงดันต่ำ จากนั้นเปิดวาวล์น้ำยาที่ถังน้ำยา และเปิดวาวล์เกจทางด้านแรงดันต่ำเพื่อให้น้ำยาไหลเข้าสู่ระบบ ฟังเสียงน้ำยาไหลเข้าระบบจะดัง ฟี๊ส........เมื่อสิ้นสุดเสียงน้ำยาแล้วให้ปิดวาวล์เกจให้สนิท
8.15 เปิดเครื่องปรับอากาศรอให้ชุดคอมเพรสเซอร์ทำงาน เมื่อคอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานแล้วให้สังเกตุที่วาวล์เกจจะแสดงแรงดันน้ำยาในระบบ น้ำยาภายในระบบจะต้องมีไม่น้อยกว่า 65 psi - 80 psi. หากในระบบมีน้ำยาไม่เพียงพอให้เปิดเกจเพื่อเติมน้ำยาเข้าระบบต่อไป โดยสังเกตุที่เกจวัดแรงดันเป็นระยะๆ
8.16 ใช้คีมแอมป์จับกระแสไฟฟ้าควบคู่การเติมน้ำยาแอร์โดยให้ดูที่เนมเพลทประกอบว่าเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวกินกระแสไฟฟ้าเท่าไหร่
8.17 ตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้องว่าสามารถทำความเย็นได้หรือไม่ หากอุณหภูมิภายในห้องเย็นตามที่กำหนดถือว่าการซ่อมรอยรั่วผ่าน
วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561
วิธีล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO ง่ายๆด้วยตัวเอง
วิธีล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO
วันนี้ว่างจึงมีโอกาสได้ล้างแผงระบายความร้อนแอร์รถยนต์ VIGO ของตัวเองหลังจากที่ติดภาระกิจต่างๆ ไม่ได้ล้างทำความสะอาดสักที
วิธีการถอดกระจังหน้าออกเพื่อล้างทำความสะอาด ขั้นตอนดังนี้
1.ถอดกระจังหน้า (ชุดที่มีโลโก้ TOYOTA) ติดอยู่ถอดออกเลยโดยจะมีพุกพลาสติกล็อกอยู่ด้านบน 2 ตัว เป็นน็อตหัแฉกอีก 2 ตัว (ซ้าย-ขวา) และเป็นพุกพลาสติกที่ด้านล่างอีก 2 ตัว
2.โดยด้านบนน็อตล็อกฝั่งซ้ายและฝั่งขวา จะเป็นน็อตหัวแฉก ขันออกโดยใช้ไขควงแฉกหมุนทวนเข็มนาฬิกาออกมา
3.พุกพลาสติกด้านบนตรงกลางจะมีอีก 2 ตัว เอาออกโดยใช้ไขควงแบนพยายามสอดเข้าไปบริเวณช่องว่างด้านบนหัวพุกจากนั้นค่อยๆงัดขึ้น เมื่องัดขึ้นได้แล้วให้ใช้มือดึงออกมาได้เลย
4.จากนั้นค่อยๆง้างกระจังหน้าออกเข้าหาตัวเล็กน้อย (เบาๆระวังหัก) เพื่อให้สามารถสอดมือและไขควงแบนเข้าไปเพื่องัดพุกพลาสติกด้านล่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวาได้ง่าย
5.จากนั้นดึงกระจังหน้าเข้าหาตัว กระจังหน้าก็จะหลุดออกมาได้อย่่างง่ายๆ
6.ใช้ปืนฉีกน้ำแรงดันสูงโดยปรับปลายปืนฉีดน้ำให้กระจายออกเพื่อป้องกันแผงระบายความร้อนล้ม จากนั้นฉีดล้างทำความสะอาดให้ทั่วแผงระบายความร้อน
7.ใช้น้ำยาล้างคอล์ย Super Clean ผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วนน้ำยาล้างคอล์ยครึ่งขวดผสมกับน้ำเปล่าครึ่งขวด ผสมให้เข้ากันจากนั้นนำไปราดลงบนตัวแผงระบายความร้อนให้ทั่วแผง
8.จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้น้ำยากัดเอาคราบสกปรกต่างๆบนแผงระบายความร้อนออก โดยสังเกตจากฟองน้ำยาที่กัดคราบสกปรกออกมา เมื่อครบ 15 นาทีแล้ว ให้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงปรับน้ำให้กระจายและฉีดล้างทำความสะอาดให้ทั่วทั้งแผงระบายความร้อน
9.ใช้น้ำยาล้างคอล์ยที่เหลืออีกครึ่งขวด ราดลงบนแผงระบายความร้อนให้ทั่วแผงอีกครั้งและทิ้งไว้อีกประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาดแผงระบายความร้อนให้สะอาดอีกครั้ง
10.ใช้ Blower เป่าไล่น้ำออกจากแผงระบายความร้อนให้แห้ง และเป่าบริเวณจุดต่อสายไฟต่างๆที่น้ำอาจกระเด็นใส่ให้แห้ง
11.ประกอบชุดกระจังหน้ากลับเข้าตำแหน่งเดิม โดยใส่พุกพลาสติกด้านล่างก่อนทั้ง 2 ตัว (อยู่ด้านซ้ายและ-ขวา) จากนั้นจึงใส่พุกพลาสติกด้านบน (บริเวณกลางกระจังหน้าอีก 2 ตัว) จากนั้นจึงใช้ไขควงแฉกขัดล็อกน็อตหัวแฉกทางด้านซ้ายและด้านขวาให้แน่น
12.ตรวจสอบชุดกระจังหน้าให้เรียบร้อยว่ามีการประกอบถูกต้อง และลงล็อกแน่นสนิททุกด้าน จากนั้นทดสอบการทำงานของแผงระบายความร้อนโดยการสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดให้แอร์ทำงาน จะพบว่าแอร์มีความเย็นมากขึ้น และที่แผงระบายความร้อนด้านหน้าก็สามารถดูดระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น
วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561
วิธีการเปลี่ยนยอยขับแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์ชนิดแขวนใต้ฝ้า
วิธีเปลี่ยนยอยขับแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์ชนิดแขวนใต้ฝ้า
วิธีการเปลี่ยนยอยยางขับแกนมอเตอร์ สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1.ปิดเครื่องปรับอากาศ และปิดเมนระบไฟฟ้าให้เรียบร้อย
2.ทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางฟิตเตอร์กรองฝุ่นออก
3.ถอดขั้วต่อสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็น
4.ถอดน็อตล็อกในจุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมออกให้หมด และจดจำตำแหน่งยึดน็อตให้ดี
5.ปลดสปริงหรือลวดที่ใช้ผูกมัดกับโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก
6.ค่อยๆยกชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นดึงกลับเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากตำแหน่งยึดน็อตตรงกลาง ,ด้านซ้ายและด้านขวา
7.ค่อยๆยกลงมายังพื้นด้านล่าง โดยการยกต้องค่อยๆขยับออกมาทีละด้านเนื่องจากพื้นที่สำหรับยึดโครงพัดลมคับแคบ
8.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัแฉกที่ล็อกชุดฝาครอบใบพัดลมออกให้หมดทุกตัว
9.ถอดฝาปิดด้านข้างชุดครอบใบพัดลม Blower ออกทั้ง 2 ด้าน
10.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูล็อกบู๊ทรองแกนมอเตอร์ออก จะมีสกรูอยู่ 2 ตัว
11.จากนั้นเลื่อนชุดฝาครอบใบพัดลมออกมาทางด้านข้างอย่างระมัดระวัง (โดยขั้นตอนนี้ให้ทำทีละ 1 ด้าน) ซ้ายและขวา
12.ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมคลายน็อตตัวหนอนออกมาโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา และจดจำตำแหน่งความลึกของการวางยอยไว้เพื่อเวลสใส่ยอยกลับคืนจะได้อยู่ในตำแหน่งเดิม
13.ใส่ยอยตัวใหม่ทดแทนลงไปที่ตำแหน่งเดิม โดยให้ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันน็อตตัวหนอนหมุนตามเข็มนาฬิกาเข้าไป โดยให้ขันล็อกยอยทางด้านที่มีใบพัดลม Blower ยึดให้แน่นก่อน จากนั้นจึงนำยอยอีกด้านไปสวมใส่กับแกนมอเตอร์พัดลมและใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันล็อกให้แน่น
14.นำชุดบู๊ทรองแกนมอเตอร์ติดตั้งกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิม โดยปรับตั้งให้ได้ระดับเดียวกันกับแกนมอเตอร์หมุน จากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่น
15.นำฝาครอบชุดใบพัดลม Blower ติดตั้งกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิมจากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกาเข้าไป จำนวนทั้งหมด 4 ตัว
16.ลองใช้มือจับใบพัดลม Blower หมุนดูว่ามีการติดขัดกับฝาครอบ Blower หรือไม่ หากติดขัดให้ทำการปรับตั้งตำแหน่งใบพัดลม Blower ใหม่ , หากไม่ติดขัดให้ใส่ฝาปิดด้านข้างชุดฝาครอบ Blower กลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิม
17.เมื่อทำการเปลี่ยนยอยครบทั้ง 2 ด้านเสร็จแล้ว ให้นำขึ้นไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมให้เรียบร้อย
18.เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทดลองเดินเครื่องอีกครั้งว่ามอเตอร์มีการหมุนสะดวก ไม่ติดขัดและมีเสียงดังถือว่าทำงานจบเรียบร้อย
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561
วิธีการเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นแอร์แขวนใต้ฝ้า
วิธีเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นชนิดแอร์แขวนใต้ฝ้า
1.ปิดเครื่องปรับอากาศ
และปิดเมนระบไฟฟ้าให้เรียบร้อย
2.ทำการปลดแผ่นพลาสติกสำหรับวางฟิตเตอร์กรองฝุ่นออก
3.ถอดขั้วต่อสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็น
4.ถอดน็อตล็อกในจุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมออกให้หมด
และจดจำตำแหน่งยึดน็อตให้ดี
5.ปลดสปริงหรือลวดที่ใช้ผูกมัดกับโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นออก
6.ค่อยๆยกชุดโครงยึดมอเตอร์พัดลมคอล์ยเย็นขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นดึงกลับเข้าหาตัวเพื่อให้หลุดจากตำแหน่งยึดน็อตตรงกลาง
,ด้านซ้ายและด้านขวา
7.ค่อยๆยกลงมายังพื้นด้านล่าง
โดยการยกต้องค่อยๆขยับออกมาทีละด้านเนื่องจากพื้นที่สำหรับยึดโครงพัดลมคับแคบ
8.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัวแฉกที่ล็อกชุดฝาครอบใบพัดลม Blower ออก จำนวน 4 ตัว จากนั้นถอดฝาปิดด้านข้างฝาครอบใบพัดลม Blower9.ใช้ประแจ L หกเหลี่ยมคลายน็อตตัวหนอนที่ใบพัดลม Blower ออก โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา จากนั้นค่อยๆดึงใบพัดลม Blower และฝาครอบ Blower ออกไปทางด้านข้าง
10.ใช้ไขควงแฉกคลายสกรูหัวแฉกที่ล็อกบู๊ทรองแกนมอเตอร์ออก โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาออก จำนวน 2 ตัว จากนั้นใช้มือจับชุดบู๊ทรองแกนมอเตอร์ค่อยๆดึงออกมาทางด้านข้าง
11.นำบู๊ทรองแกนมอเตอร์ตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิม และใช้ไขควงแฉกขันสกรูหัวแฉกโดยหมุนตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่น
12.ใส่ฝาครอบใบพัดลม Blower กลับเข้าไปตำแหน่งเดิมจากนั้นใส่ใบพัดลม Blower กลับตามเข้าไป และใช้ประแจ L หกเหลี่ยมขันล็อกให้แน่นตามเดิม (ระวังใส่ใบพัดลม Blower กลับด้าน)
13.ใส่ฝาปิดด้านข้างชุดฝาครอบ Blower จากนั้นใช้ไขควงแฉกขันสกรูตามเข็มนาฬิกากลับเข้าไปให้แน่่น ทั้งหมดจำนวน 4 ตัว
14.เมื่อทำการเปลี่ยนบู๊ทรองแกนมอเตอร์เสร็จทั้ง 2 ด้านแล้ว ให้นำขึ้นไปติดตั้งยังตำแหน่งเดิมให้เรียบร้อย
15.เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทดลองเดินเครื่องอีกครั้งว่ามอเตอร์มีการหมุนสะดวก ไม่ติดขัดและมีเสียงดังถือว่าทำงานจบเรียบร้อยเ
วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561
วิธีการซ่อมชุดพัดลมคอลย์ร้อนไม่ทำงาน สาเหตุจากแม็กเนติกเสีย
วิธัการซ่อมชุดพัดลมคอล์ยร้อนไม่ทำงาน สาเหตุมาจากแม็กเนติกเสีย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยการเปิดรีโมทแอร์เพื่อให้ระบแอร์ทำงาน พบว่าชุดชุดมอเตอณืพัดลมระบายความเย็นสามารถทำงานได้ตามปกติ เช็คระบบไฟฟ้าถูกสั่งงานมาถึงชุดเทอร์มินอล (จุดต่อสายไฟฟ้าชุดคอล์ยร้อน Condenzing Unit) จึงทำการเปิดฝาครอบชุดคอล์ยร้อนออกเพื่อทำการวัดระบบไฟฟ้าที่ตัวแม็กเนติก ทำการวัดระบไฟฟ้าขาเข้าแม็กเนติกได้ 220 VAC ,ทำการวัดระบบไฟฟ้าออกมาชุดแม็กเนติกได้ 0 VAC แสดงว่าชุดคอล์ยแม็กเนติกขาด ทำการแก้ไขโดยการนำแม็กเนติกไฟฟ้า ขนาด 220 VAC ทนกระแสได้ 30 A. มาใส่ทดแทน
โดยมีวิธีการเปลี่ยนแม็กเนติก ดังนี้
1.ใช้ไขควงถอดฝาน็อตยึดในจุดต่างๆออก เพื่อถอดฝาปิดครอบชุดโครงระบายความร้อน Condenzing
2.ทำการปิดระบบเมนไฟฟ้า เมื่อปิดระบบไฟฟ้าแล้วให้วัดแรงดันไฟฟ้าด้วยโวล์ทมิเตอร์อีกครั้ง หรือใช้ไขควงเช็คไฟเช็คดูอีกครั้งว่าได้ตัดระบบไฟฟ้าออกแล้ว
3.ทำการถอดสายไฟฟ้าต่างๆที่ต้่อเข้ากับชุดแม็กเนติกเดิมออก โดยพยายามจดจำสายต่างๆไว้ให้ดีว่ามีการต่อระบบไฟฟ้าไว้อย่างไร
4.ใช้ไขควงแฉกทำการคลายสกรูที่ยึดชุดแม็กเนติกออก และถอดแม็กเนติกที่ชำรุดออก
5.นำชุดแม็กเนติกตัวใหม่ที่มีขนาดแรงดันไฟฟ้า และกระแสเท่ากันใส่ทดแทนลงไปยังตำแหน่งเดิม
6.นำชุดสายไฟฟ้าที่มีไฟ สาย L นำมาต่อเข้ากับชุดแม็กเนติกด้านที่มีหน้าสัมผัสตัดต่อระบบไฟฟ้า
7.นำชุดสายไฟฟ้าด้านที่ไม่มีไฟ สาย N นำมาต่อเข้ากับชุดแม็กเนติกด้านที่ไม่มีหน้าสัมผัสตัดต่อไฟฟ้า
8.นำสายไฟฟ้าที่มีการต่อหางปลาแล้วทั้งสองด้าน จำนวน 1 เส้น มาเสียบเข้าที่จุดต่อสายไฟด้านสาย N และปลายสายไฟอีกด้านหนึ่งนำไปเสียบเข้ากับชุดคอล์ยไฟฟ้าของแม็กเนติกด้านหนึ่ง
9.นำสายไฟฟ้าที่เป็นสายไฟที่ถูกสั่งงานมาจากชุดรีโมทเสียบเข้ากับชุดคอล์ยแม็กเนติกด้านที่เหลือ
10.นำสายไฟฟ้าด้านที่ออกจากแม็กเนติด (ด้านที่มีไฟ สาย L) นำไปต่อเข้ากับชุดหัวหลักคอมเพรสเซอร์ ขั้ว C
11. นำสายไฟฟ้าด้านที่ออกจากแม็กเนติก (ด้านที่ไม่มีไฟ สาย N) นำไปต่อเข้ากับชุดหัวหลักคอมเพรสเซอร์ ขั้ว R
12. นำสายไฟฟ้าที่ออกจากขั้วหลักคอมเพรสเซอร์ ขั้ว S มาต่อเข้ากับขั้วของ Capacitor 1 ด้าน และขั้ว Capacitor อีก 1 ด้านให้นำสาย N จากแม็กเนติกมาต่อ
13. นำสายไฟฟ้าจากชุดมอเตอร์พัดลมสีแดง 1 เส้นมาต่อเข้ากับชุดสายไฟของแม็กเนติกขาออก สายที่มีไฟ สาย L
14. นำสายไฟจากมอเตอร์พัดลมสีดำ 1 เส้น มาต่อเข้ากับขั้วต่อสายไฟชุด Capacitor ตัวสีเหลี่ยมสีดำ ขนาด 1.5 ไมโครฟารัด ,อีกขั้วต่อสายหนึ่งของชุด Capacitor ให้นำสาย N มาต่อเข้า
15. นำสายไฟจากมอเตอร์พัดลมที่เหลืออยู่ 1 เส้น สีขาว นำมาต่อเข้ากับสาย N
16. ทำการประกอบฝาปิดชุดคอล์ยร้อย ขัดสกรูล็อกให้แน่นทุกจุด
17. ทำการทดสอบระบบการทำงานโดยการเปิดเมนไฟฟ้า จากนั้นเปิดรีโมทให้แอร์ทำงาน พัดลมคอล์ยเย็นด้านในจะทำงานทันที ส่วนชุดมอเตอร์ระบายความร้อนและชุดคอมเพรสเซอร์ต้องรอการหน่วงเวลาประมาณ 3 นาที
วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)